“ญี่ปุ่น” ประเทศมหาอำนาจของโลกที่มีเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีผลงานการ์ตูนที่โด่งดัง วัฒนธรรมอาหารที่แผ่ขยายไปทั่วโลก แต่หากพูดถึงด้านการศึกษาแล้ว “ญี่ปุ่น” ก็มีความโดดเด่นเช่นกัน
ในบทความนี้พี่ TUTOR VIP จึงจะมาแนะนำว่าประเทศญี่ปุ่นมีความน่าสนใจในการไปเรียนอย่างไร และหากสนใจต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
เลือกอ่านเนื้อหาที่ต้องการ
เรียนต่อป.ตรีที่ญี่ปุ่น ดีอย่างไร?
การเรียนต่อป.ตรีที่ญี่ปุ่น มีข้อดี เช่น
1.หลักสูตรการศึกษาที่มีคุณภาพ: มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นติดอันดับ Top 100 ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2023 มีมหาวิทยาลัยจากญี่ปุ่นติด Top 100 ของโลกถึง 5 แห่ง
อ้างอิงจาก: QS World University Rankings 2023: Top global universities
2. ประหยัดค่าใช้จ่าย: ค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นถือว่าถูกหากเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยกัน เช่น ค่าเล่าเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ที่ University of Tokyo อยู่ที่ปีละประมาณ 6,000USD ในขณะที่หากเรียนสาขาเดียวกันที่ Harvard University จะมีค่าเล่าเรียนสูงถึง 50,000USD/ปี ทำให้เป็นอีกทางในการรับการศึกษาระดับโลกในราคาที่เข้าถึงง่าย
3. ได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น: ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ร่ำรวยวัฒนธรรมซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนประเทศใด การได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นจะทำให้น้อง ๆ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม, ภาษา และธรรมเนียมต่าง ๆ ของญี่ปุ่นที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาได้โดยตรง
4. สังคมที่ปลอดภัย: ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และนิสัยของผู้คนที่ค่อนข้างเป็นมิตรและให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติเป็นอย่างดี ทำให้ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อชาวต่างชาติ
5. ทุนการศึกษา: มีสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นที่สนับสนุนทุนการศึกษา และค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับนักศึกษาต่างชาติเป็นจำนวนมาก
6. โอกาสในการร่วมงานกับองค์กรชั้นนำ: ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและมีความต้องการแรงงานที่มีความสามารถสูงเป็นจำนวนมาก ระหว่างเรียนจึงมีโครงการฝึกงานที่เปิดโอกาสให้ได้ฝึกปฏิบัติงานในองค์กรต่าง ๆ ได้จริงเป็นจำนวนมาก การจบการศึกษาป.ตรีจากญี่ปุ่น จึงเป็นใบเบิกทางที่ดีในการได้ร่วมงานกับองค์กรชั้นนำทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ
เป็นต้น
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
การเตรียมตัวเรียนปริญญาตรีในญี่ปุ่นมีหลากหลายขั้นตอน ดังนี้
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและหลักสูตรที่สนใจ
ศึกษาหลักสูตรปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยที่สนใจเพื่อให้สามารถเตรียมตัวได้ตรงจุดก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
- สมัครเรียน และเตรียมเอกสารที่จำเป็น
หลังจากที่ได้ตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการแล้ว ต้องทำการสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัย โดยเตรียมเอกสารที่จำเป็นตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด เช่น วุฒิการศึกษาระดับม.ปลาย, คะแนนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น หรือคะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ เป็นต้น
- ยื่นขอวีซ่า
เมื่อสมัครเรียนเรียบร้อยแล้วจะต้องนำใบตอบรับจากสถานศึกษาในประเทศญี่ปุ่นมาใช้ในการขอใบรับรองสถานภาพการพำนัก (COE) เพื่อใช้ในการยื่นขอ Student Visa ต่อไป โดยปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่เว็บไซต์ของสถานทูตญี่ปุ่นระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก
- ฝึกฝนภาษาญี่ปุ่น
ชาวญี่ปุ่นใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารเป็นหลัก แม้จะเรียนในหลักสูตรภาษาอังกฤษก็ควรมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นประมาณ N4 ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นเป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่น
- ศึกษาวัฒนธรรมญี่ปุ่น
การรู้จักวัฒนธรรมญี่ปุ่นจะช่วยให้ปรับตัวกับวัฒนธรรมและสังคมที่แตกต่างได้ง่ายและมีความสุขมากขึ้น น้อง ๆ จึงควรศึกษาวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาบ้างก่อนไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
- ติดตามข้อมูลข่าวสารจากสถาบันการศึกษาและสถานทูตอยู่เสมอ
หมั่นติดตามข่าวสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสมัครเรียน เพื่อให้ทราบเกณฑ์การคัดเลือกที่อาจมีการปรับเปลี่ยน รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นขอวีซ่าจากสถานทูต โดยใช้ทางการสื่อสารต่างๆ เช่น เว็บไซต์ หรือเพจในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
ต้องใช้คะแนนสอบอะไรบ้าง?
การเข้าศึกษาต่อปริญญาตรีในญี่ปุ่นมีเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปมักจะมีเกณฑ์ดังนี้
- วุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย: โดยเอกสารต้องออกโดยสถาบันการศึกษา และเป็นฉบับภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น
- คะแนนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (JLPT): ที่มีผลผ่านเกณฑ์ตามที่สถาบันการศึกษากำหนด หากเรียนหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยมากมักกำหนดที่ระดับ N1 หรือN2 อย่างไรก็ตามบางหลักสูตรอาจไม่จำเป็นต้องใช้ผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นแต่ใช้ผลสอบภาษาอังกฤษแทน (ส่วนมากรับผล TOEFL และ IELTS)
- คะแนนสอบเพื่อศึกษาต่อในญี่ปุ่น (EJU): เป็นการจัดสอบที่จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ญี่ปุ่น (MEXT) สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ประสงค์ศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น เพื่อวัดความรู้พื้นฐานในสาขาวิชาต่าง ๆ รวมไปถึงความรู้ภาษาญี่ปุ่น
- การสอบคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยโดยตรง: มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นมักมีการจัดการสอบแยกขึ้นมาเพื่อคัดเลือกนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีการคัดเลือกจะแตกต่างกันออกไปตามสาขา และสถาบันการศึกษา เช่น บางแห่งอาจใช้การสอบวัดความรู้, การสอบสัมภาษณ์, การเขียนเรียงความ หรือการวัดความถนัดอื่น ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามบางมหาวิทยาลัยอาจต้องการเอกสารอื่น ๆ ด้วย น้อง ๆ สามารถตรวจสอบเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกเพิ่มเติมได้จากช่องทางของสถาบันการศึกษาที่สนใจได้โดยตรง
ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไร?
ค่าใช้จ่ายในการเรียนปริญญาตรีที่ญี่ปุ่นในปีแรกจะมีค่าใช้จ่ายมากที่สุด เพราะรวมค่าแรกเข้า, และค่าอุปกรณ์การเรียนเข้าไปด้วย ส่วนในปีที่สองเป็นต้นไปค่าใช้จ่ายจะลดลงมาจากปีแรกเหลือประมาณ 70%
โดยค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปต่อปีสำหรับมหาวิทยาลัยรัฐบาลจะอยู่ที่ประมาณ 817,800 เยน หรือ 261,696 บาท ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่ามาก
ทั้งนี้มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ โดยค่าใช้จ่ายจะรวมถึงค่าเทอม ค่าอาหาร ค่าที่พัก แต่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าประกันสุขภาพ, ค่าเดินทาง เป็นต้น
ที่มา: Jeducation
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ที่และกำลังสนใจไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศญี่ปุ่นกันนะ
ส่วนน้อง ๆ คนไหนที่กำลังมองหาที่ติวภาษาญี่ปุ่น หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้เลย พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุปพุทธประวัติแบบกระชับ!
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุปรวม “ศาสนาสำคัญของโลก” ที่ต้องรู้!
สังคมและประวัติศาสตร์
รากฐานแห่ง“อารยธรรมอินเดีย” อารยธรรมที่ส่งต่อถึงปัจจุบัน