หากพูดถึงประเทศในเอเชียที่คนส่วนใหญ่นิยมไปเรียนต่อแล้ว “ประเทศญี่ปุ่น” น่าจะอยู่ในตัวเลือกลำดับต้น ๆ ของใครหลายคน
ในบทความนี้ พี่ TUTOR VIP จึงจะมาแนะนำการเรียนปริญญาโทที่ญี่ปุ่นว่ามีจุดเด่นอย่างไร? และหากสนใจควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
เลือกอ่านเนื้อหาที่ต้องการ
เรียนต่อป.โทที่ญี่ปุ่น ดีอย่างไร?
การเรียนต่อป.โทที่ญี่ปุ่น มีข้อดี เช่น
- หลักสูตรการศึกษาที่มีคุณภาพ: มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นได้รับการยอมรับจากนานาชาติในเรื่องของคุณภาพการศึกษาและการทำวิจัย อีกทั้งยังมีหลักสูตรปริญญาโทที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, คณิตศาสตร์, บริหารธุรกิจ, มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์
- ได้พัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่น: แม้จะมีหลักสูตรปริญญาโทหลายหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ในบางหลักสูตรก็มีการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมให้ด้วย จึงเป็นโอกาสที่ดีในการได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นจากเจ้าของภาษาโดยตรง
- ได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น: ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ร่ำรวยวัฒนธรรมซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนประเทศใด การได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นจะทำให้ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม, ภาษา และธรรมเนียมต่าง ๆ ของญี่ปุ่นที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาได้โดยตรง
- สังคมที่ปลอดภัย: ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และนิสัยของผู้คนที่ค่อนข้างเป็นมิตรและให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติเป็นอย่างดี ทำให้ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อชาวต่างชาติ
- ทุนการศึกษา: มีสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นที่สนับสนุนทุนการศึกษา และค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับนักศึกษาต่างชาติเป็นจำนวนมาก
- โอกาสในการทำงานวิจัย: ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่งานวิจัยอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก โอกาสในการเข้าถึงทุนและทรัพยากรในการทำงานวิจัยจึงมีมากไปด้วย หากได้เรียนปริญญาโทที่ญี่ปุ่น
- โอกาสในการร่วมงานกับองค์กรชั้นนำ: ญี่ปุ่นเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม อีกทั้งยังมีความต้องการแรงงานที่มีความรู้ระดับปริญญาโทเป็นจำนวนมาก การจบการศึกษาป.โทจากญี่ปุ่น จึงเป็นใบเบิกทางที่ดีในการได้ร่วมงานกับองค์กรชั้นนำระดับโลกทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ
เป็นต้น
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
การเตรียมตัวเรียนปริญญาโทในญี่ปุ่นมีหลากหลายขั้นตอน ดังนี้
- หาหัวข้อวิจัยที่สนใจ
การเรียนระดับปริญญาโทในญี่ปุ่นให้ความสำคัญในเรื่องการทำวิจัยเป็นอย่างมาก จึงควรคิดหัวข้อวิจัยที่ตนสนใจมาก่อน เพื่อให้การติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษา และการสมัครเรียนเป็นไปอย่างราบรื่น
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยและหลักสูตรที่สนใจ
ศึกษาหลักสูตรปริญญาโทของมหาวิทยาลัยที่สนใจเพื่อให้สามารถเตรียมตัวได้ตรงจุดก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
- สมัครเรียน และเตรียมเอกสารที่จำเป็น
หลังจากที่ได้ตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการแล้ว ต้องทำการสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัย โดยเตรียมเอกสารที่จำเป็นตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด เช่น วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี, คะแนนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น หรือคะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ เป็นต้น
- ยื่นขอวีซ่า
เมื่อสมัครเรียนเรียบร้อยแล้วจะต้องนำใบตอบรับจากสถานศึกษาในประเทศญี่ปุ่นมาใช้ในการขอใบรับรองสถานภาพการพำนัก (COE) เพื่อใช้ในการยื่นขอ Student Visa ต่อไป โดยปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่เว็บไซต์ของสถานทูตญี่ปุ่นระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก
- ฝึกฝนภาษาญี่ปุ่น
ชาวญี่ปุ่นใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารเป็นหลัก แม้จะเรียนในหลักสูตรภาษาอังกฤษก็ควรมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นประมาณ N4 ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นเป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่น
- ศึกษาวัฒนธรรมญี่ปุ่น
การรู้จักวัฒนธรรมญี่ปุ่นจะช่วยให้ปรับตัวกับวัฒนธรรมและสังคมที่แตกต่างได้ง่ายและมีความสุขมากขึ้น จึงควรศึกษาวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาบ้างก่อนไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
- ติดตามข้อมูลข่าวสารจากสถาบันการศึกษาและสถานทูตอยู่เสมอ
หมั่นติดตามข่าวสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสมัครเรียน เพื่อให้ทราบเกณฑ์การคัดเลือกที่อาจมีการปรับเปลี่ยน รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นขอวีซ่าจากสถานทูต โดยใช้ทางการสื่อสารต่างๆ เช่น เว็บไซต์ หรือเพจในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
ต้องใช้คะแนนสอบอะไรบ้าง?
การเข้าศึกษาต่อปริญญาโทในญี่ปุ่น มีเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปมักจะมีเกณฑ์ดังนี้
- วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี: โดยเอกสารต้องออกโดยสถาบันการศึกษา และเป็นฉบับภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น
- คะแนนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (JLPT): ที่มีผลผ่านเกณฑ์ตามที่สถาบันการศึกษากำหนด หากเรียนหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยมากมักกำหนดที่ระดับ N1 หรือN2 อย่างไรก็ตามบางหลักสูตรอาจไม่จำเป็นต้องใช้ผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นแต่ใช้ผลสอบภาษาอังกฤษแทน (ส่วนมากรับผล TOEFL และ IELTS)
- เขียนแผนการวิจัย: เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสมัครเรียนในระดับปริญญาโทที่ญี่ปุ่น เนื่องจากจะเป็นจุดที่อาจารย์ และสถานศึกษาใช้พิจารณาเป็นหลักว่าจะรับเราเข้าศึกษาหรือไม่
- การสอบคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยโดยตรง: มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นมักมีการจัดการสอบแยกขึ้นมาเพื่อคัดเลือกนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีการคัดเลือกจะแตกต่างกันออกไปตามสาขา และสถาบันการศึกษา เช่น บางแห่งอาจใช้การสอบวัดความรู้, การสอบสัมภาษณ์, การเขียนเรียงความ หรือการวัดความถนัดอื่น ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามบางมหาวิทยาลัยอาจต้องการเอกสารอื่น ๆ ด้วย โดยสามารถตรวจสอบเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกเพิ่มเติมได้จากช่องทางของสถาบันการศึกษาที่สนใจได้โดยตรง
ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไร?
ค่าใช้จ่ายในการเรียนปริญญาโทที่ญี่ปุ่นจะแบ่งเป็น 2 ก้อนใหญ่ ๆ คือค่าแรกเข้า และค่าเล่าเรียน ซึ่งค่าแรกเข้าจะจ่ายเฉพาะในปีการศึกษาแรก
โดยค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปตลอดหลักสูตรปริญญาโท 2 ปี สำหรับมหาวิทยาลัยรัฐบาลจะอยู่ที่ประมาณ 1,380,000 เยน หรือ 336,710 บาท ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่ามาก
ทั้งนี้มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ โดยค่าใช้จ่ายจะยังไม่รวม ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าประกันสุขภาพ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่นกันนะ
ส่วนใครที่กำลังมองหาที่ติวภาษาญี่ปุ่น หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้เลย พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุปลำดับราชวงศ์ของไทย
ภาษาไทย
สรุปหลักเกณฑ์คำทับศัพท์แบบเข้าใจง่าย
ภาษาไทย
ปูพื้นฐานความรู้ภาษาไทยเรื่อง คำราชาศัพท์