สวัสดีทุกคน บทความนี้พี่ TUTOR VIP จะพูดถึงเรื่อง “พินอิน และพยัญชนะในอักษรจีน” ซึ่งเป็นสิ่งที่น้อง ๆ จะได้เจอแน่นอนในการเรียนภาษาจีน หลายคนอาจสงสัยว่าจะเรียนไปทำไม ทำไมไม่เรียนตัวอักษรจีนไปเลย บทความนี้น่าจะช่วยคลายข้อสงสัยนั้นได้ ตามไปดูกันเลย!
เลือกอ่านเนื้อหาที่ต้องการ
พินอิน คืออะไร?
“พินอิน” (拼音) คือ ระบบการเทียบเสียงในภาษาจีนกลาง (普通话) ที่ยืมตัวอักษรโรมันมาใช้ในการช่วยออกเสียงตัวอักษรจีน เพื่อให้ผู้เรียนภาษาจีนสามารถออกเสียงตัวอักษรจีนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอักษรจีนเป็นอักษรภาพ ไม่มีสระ และวรรณยุกต์ ทำให้การจำเสียงอ่านแต่ละตัวนั้นยากสำหรับผู้ที่เริ่มเรียน แม้กระทั่งคนจีนเองก็ต้องเริ่มเรียนภาษาจีนจากพินอินก่อนจะไปเรียนอักษรจีนด้วยเช่นกัน
โดยพินอินจะอิงการออกเสียงจากภาษาจีนกลางเป็นมาตรฐานซึ่งแตกต่างไปจากการออกเสียงในภาษาอังกฤษ
พินอินประกอบไปด้วย 3 ส่วน ที่ใช้ในการออกเสียง ดังนี้
- เสียงพยัญชนะ มีทั้งหมด 23 เสียง
- เสียงสระ มีทั้งหมด 36 เสียง
- เสียงวรรณยุกต์ มีทั้งหมด 5 เสียง 4 รูป
ทำไมต้องเรียนพินอิน?
การเรียนพินอินมีประโยชน์อย่างมากในการศึกษาภาษาจีน ดังนี้
- ช่วยให้ออกเสียงภาษาจีนได้ถูกต้อง
เนื่องจากตัวอักษรจีนเป็นอักษรภาพไม่มีวรรณยุกต์ หากออกเสียงผิดเพียงนิดเดียวก็ทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไปได้ การที่น้อง ๆ แม่นพินอินก็จะช่วยให้ออกเสียงภาษาจีนได้อย่างถูกต้อง และสื่อสารกับคนจีนได้ดียิ่งขึ้นด้วย
- ช่วยในการพิมพ์ข้อความภาษาจีน
การรู้พินอินจะทำให้พิมพ์ภาษาจีนได้ถูกต้อง และแม่นยำยิ่งขึ้น มีประโยชน์ทั้งในด้านการเรียนภาษาจีน และการติดต่อทำงานกับชาวจีน
- ช่วยให้เรียนภาษาจีนได้ง่ายขึ้น
ในบางครั้งน้อง ๆ อาจจะได้ยินบางคำที่เหล่าซือ หรือศิลปินชาวจีนที่ชื่นชอบพูด แต่เราไม่รู้ศัพท์คำนั้น ก็สามารถนำมาเสิร์ชหาในพจนานุกรมโดยใช้พินอินอิงจากเสียงที่ได้ยินได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
เสียงพยัญชนะในพินอิน
เสียงพยัญชนะ (声母) ในภาษาจีนมีทั้งหมด 23 เสียง แบ่งเป็นพยัญชนะทั่วไป 21 เสียง และพยัญชนะพิเศษ หรือพยัญชนะกึ่งสระ 2 เสียง
โดยเมื่อเทียบกับการออกเสียงภาษาไทย จะมีวิธีการอ่าน ดังนี้
พยัญชนะทั่วไป
- b (ปอ), p (พอ), m (มอ), f (ฟอ)
- d (เตอ), t (เทอ), n (เนอ), l (เลอ)
- g (เกอ), k (เคอ), h (เฮอ)
- j (จี), q (ชี), x (ซี)
- z (จือ), c (ชือ), s (ซือ)
- zh (จรือ), ch (ชรือ), sh (ซรือ), r (ยรือ)
พยัญชนะพิเศษ
- y (ยี), w (อู) (*ออกเสียงคล้ายสระ i และ u)
เทคนิคการออกเสียงพยัญชนะในพินอิน
แบ่งเป็น 8 กลุ่มตามลักษณะการออกเสียง ดังนี้
- เสียงบริเวณริมฝีปาก: b, p, m
- เสียงฟันแตะริมฝีปาก: f
- เสียงปลายลิ้นแตะเพดานแข็ง : d, t, n, l
- เสียงจากโคนลิ้น : g, k, h
- เสียงจากหน้าลิ้น : j, q, x
- เสียงจากปลายลิ้นส่วนหน้า : z, c, s
- เสียงจากปลายลิ้นส่วนหลัง : zh, ch, sh, r
- พยัญชนะกึ่งสระ : y, w
ที่มา: สาขาวิชาภาษาจีน คณะมนุษยสาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
เสียงสระในพินอิน
เสียงสระ (韵母) ในภาษาจีนมีทั้งหมด 36 เสียง แบ่งเป็นสระเดี่ยว 6 ตัว และสระผสม 30 ตัว ดังนี้
- สระเดี่ยว 6 ตัว ได้แก่ a, o, e, i, u, ü
- สระผสม 30 ตัว ได้แก่ ai, ao, an, ang, ong, ou, ei, en, eng, er, ia, iao, ie, iu, ian, iang, in, ing, iong, ua, uo, ui, uai, uan, un, uang, ueng, üe, üan, ün
ดูวิธีการออกเสียงของสระแต่ละตัวเพิ่มเติมในภาพได้เลย
เสียงวรรณยุกต์ในพินอิน
เสียงวรรณยุกต์ (声调) ในภาษาจีนมีทั้งหมด 4 รูป 5 เสียง โดยรวมเสียงเบาซึ่งเป็นเสียงพิเศษไปด้วย
โดยเมื่อเทียบกับการออกเสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทย จะมีวิธีการอ่าน ดังนี้
- เสียงที่ 1 จะเทียบได้กับเสียงสามัญในภาษาไทย
- เสียงที่ 2 จะเทียบได้กับเสียงจัตวาในภาษาไทย
- เสียงที่ 3 จะเทียบได้กับเสียงเอกในภาษาไทย
- เสียงที่ 4 จะเทียบได้กับเสียงโทในภาษาไทย
- เสียงเบา จะมีการออกเสียงคล้ายกับเสียงที่ 1 แต่ออกเพียงครึ่งเสียง หรือสั้นกว่า
ดูวิธีการออกเสียงของวรรณยุกต์แต่ละตัวเพิ่มเติมในภาพได้เลย
เห็นไหมว่าการเรียนพินอินมีประโยชน์อย่างมากในการเรียนภาษาจีน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้น้อง ๆ เห็นความสำคัญของการเรียนพินอินมากขึ้นนะ
สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่กำลังมองหาที่เรียนพิเศษ หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมีสาระอะไรมาฝากอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
LINE ID: 
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุปพุทธประวัติแบบกระชับ!
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุปรวม “ศาสนาสำคัญของโลก” ที่ต้องรู้!
สังคมและประวัติศาสตร์
รากฐานแห่ง“อารยธรรมอินเดีย” อารยธรรมที่ส่งต่อถึงปัจจุบัน