สวัสดีทุกคน บทความนี้ พี่ TUTOR VIP จะพาไปศึกษาพระราชประวัติของ “พระบรมไตรโลกนาถ” กษัตริย์ผู้ปฏิรูปการปกครองอยุธยา เรื่องราวของพระองค์จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง? ตามไปศึกษาพร้อมกันในบทความเลย
ประวัติส่วนพระองค์
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีพระนามเดิมว่า พระราเมศวร ประสูติในปี พ.ศ. 1974 เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา นักประวัติศาสตร์บางท่านเชื่อว่าพระราชมารดาอาจเป็นเจ้าหญิงจากอาณาจักรสุโขทัย
เมื่อพระมหาธรรมราชาที่ 4 แห่งสุโขทัยสวรรคตในปี พ.ศ. 1981 อาณาจักรสุโขทัยจึงถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยา พระราเมศวรได้รับแต่งตั้งเป็นอุปราชแห่งสุโขทัย และต่อมาทรงดูแลหัวเมืองเหนือที่เมืองพิษณุโลก
ต่อมาในปี พ.ศ. 1991 พระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา และเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ โดยทรงครองราชย์ยาวนานถึง 40 ปี
พระราชกรณียกิจสำคัญ
-
การปฏิรูปการปกครอง
ก่อนรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ การปกครองของกรุงศรีอยุธยายังไม่มีความเป็นระเบียบมากนัก หัวเมืองต่าง ๆ มักหลีกเลี่ยงการส่งส่วยและเกิดปัญหาการแข็งเมือง โดยเฉพาะเมื่อพระมหากษัตริย์ขาดความเข้มแข็ง พระองค์จึงทรงเห็นความจำเป็นในการรวมศูนย์อำนาจและปรับปรุงระบบราชการ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของรัฐ และควบคุมหัวเมืองต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแนวทางการปฏิรูปหลัก ๆ ดังนี้
-
แบ่งการบริหารราชการออกเป็น 2 ฝ่าย
- ฝ่ายทหาร: มี สมุหพระกลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบ
- ฝ่ายพลเรือน: มี สมุหนายก ดูแลงานทั่วไปของรัฐ แบ่งงานตาม จตุสดมภ์ ได้แก่
-
- เมือง (กรมพระนครบาล): รักษาความสงบ ปราบโจร ตัดสินคดีร้ายแรง และดูแลความปลอดภัยในพระนคร
- วัง (กรมธรรมาธิกรณ์): จัดการงานราชสำนัก ธุรการ และส่งขุนนางไปปกครองหัวเมือง
- คลัง (กรมโกษาธิบดี): ดูแลพระราชทรัพย์ การค้า การคลัง และคดีความที่เกี่ยวกับชาวต่างชาติ
- นา (กรมเกษตราธิการ): ส่งเสริมการทำนา ดูแลเสบียง ตัดสินคดีที่ดิน และออกกรรมสิทธิ์นาให้ราษฎร
-
กำหนดศักดินาและบรรดาศักดิ์
พระองค์ทรงตรา “พระราชกำหนดศักดินา” แบ่งชั้นขุนนางและประชาชนอย่างชัดเจน พร้อมจัดลำดับ บรรดาศักดิ์ ตั้งแต่ ทนาย, พัน, หมื่น, ขุน, หลวง, พระ, พระยา จนถึงเจ้าพระยา การกำหนดศักดินาใช้เป็นหลักในการ
-
- ให้รางวัลตอบแทนแก่ขุนนาง
- จัดสรรที่นา
- คำนวณโทษปรับตามกฎหมาย
-
การปฏิรูประบบหัวเมือง
พระองค์ยกเลิกระบบเมืองลูกหลวง เมืองชั้นใน ชั้นนอก และปรับเป็น ระบบการปกครองแบบรวมศูนย์ โดยแบ่งหัวเมืองออกเป็น 3 กลุ่มหลัก
- หัวเมืองชั้นใน (เมืองจัตวา)
- เช่น ราชบุรี นครสวรรค์ นครนายก ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี
- พระมหากษัตริย์แต่งตั้งผู้ที่เหมาะสมมาปกครองโดยตรง
- หัวเมืองชั้นนอก (เมืองพระยามหานคร)
- แบ่งเป็นเมือง เอก โท ตรี ตามความสำคัญ เช่น พิษณุโลก สุโขทัย นครราชสีมา และทวาย
- มีระบบบริหารคล้ายราชธานี มีตำแหน่ง เมือง วัง คลัง นา
- เจ้าเมืองทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพระมหากษัตริย์ มีอำนาจเต็มในการปกครอง
- เมืองประเทศราช
- ยังให้เจ้าเมืองปกครองกันเอง
- ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการตามกำหนด และเกณฑ์คน, ทรัพย์สินมาช่วยราชการเมื่อจำเป็น
ผลกระทบและความสำเร็จของการปฏิรูป
การปฏิรูปของพระบรมไตรโลกนาถส่งผลให้กรุงศรีอยุธยากลายเป็นศูนย์กลางอำนาจที่เข้มแข็ง ระบบราชการมีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น หัวเมืองต่าง ๆ ถูกควบคุมอย่างใกล้ชิด ลดโอกาสการแข็งเมืองและการทุจริตในระบบภาษี แบบแผนการปกครองนี้ถูกใช้สืบต่อมายาวนานจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
-
กฎมณเฑียรบาล
ในปี พ.ศ. 2001 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงตรา “กฎมณเฑียรบาล” ขึ้น เพื่อใช้เป็นกฎหมายหลักในการบริหารราชสำนักและราชการแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดระเบียบการปกครองอย่างเป็นระบบ โดยกฎหมายนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่
-
- พระตำรา
ว่าด้วยแบบแผนพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น การเสด็จ การราชาภิเษก และพิธีการสำคัญในราชสำนัก
-
- พระธรรมนูญ
ว่าด้วยตำแหน่งหน้าที่ของข้าราชการและระบบราชการ โดยกำหนดบทบาทและอำนาจของแต่ละตำแหน่งไว้อย่างชัดเจน
-
- พระราชกำหนด
เป็นข้อบังคับเฉพาะสำหรับพระราชสำนัก ใช้ควบคุมระเบียบวินัยของผู้ที่อยู่ในราชสำนัก
-
ด้านวรรณกรรม
ในด้านวรรณกรรม สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ทรงสนับสนุนงานเขียนและการศึกษา โดยทรงโปรดเกล้าฯ ให้ ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่ง “มหาชาติคำหลวง” ขึ้น
-
- นับเป็นวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาเรื่องแรกในกรุงศรีอยุธยา
- มีคุณค่าทั้งในด้าน ศาสนา ภาษา และวรรณคดี
- เป็นวรรณคดีชั้นเยี่ยมที่ถูกนำมาใช้ในการศึกษาภาษาไทยและวรรณกรรมในรุ่นหลัง
สงครามและการต่างประเทศ
ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991–2031) พระองค์ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากภายในและภายนอกอาณาจักร โดยเฉพาะความขัดแย้งกับอาณาจักรเพื่อนบ้านและการขยายอิทธิพลไปยังหัวเมืองสำคัญ โดยมีสงครามที่สำคัญ คือ
- สงครามกับอาณาจักรล้านนา
หนึ่งในสงครามสำคัญในยุคนั้น คือ สงครามกับอาณาจักรล้านนา ภายใต้การนำของ พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ที่เข้มแข็งและมีนโยบายขยายอำนาจไปยังดินแดนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
-
- สงครามนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่การรบหลักบริเวณหัวเมืองเหนือ เช่น เมืองแพร่ และ เมืองพิษณุโลก
- ฝ่ายอยุธยาแม้จะมีกำลังมาก แต่ก็ ประสบความพ่ายแพ้ในบางครั้ง โดยเฉพาะการเสียเมืองแพร่ให้แก่ล้านนา
- อย่างไรก็ตาม พระองค์ยังสามารถ รักษาเมืองพิษณุโลก และหัวเมืองสำคัญอื่น ๆ ได้ ทำให้ไม่สูญเสียอำนาจเหนือภาคเหนือตอนล่างอย่างถาวร
- การขยายอำนาจและความสัมพันธ์กับดินแดนอื่น
นอกจากการทำสงครามกับล้านนา พระบรมไตรโลกนาถยังมีนโยบายขยายอิทธิพลไปยังดินแดนอื่น ๆ ทั้งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่
-
- หัวเมืองลาว ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอยุธยา
-
- กัมพูชา ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค และมีความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการแทรกแซงกิจการภายในกันและกัน
- เมืองทวาย เมืองท่าชายฝั่งทางตะวันตกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และการค้า ซึ่งอยุธยาเคยส่งกองทัพเข้าไปควบคุม
- เมืองมะละกา ที่กำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางการค้า พระองค์ได้มีบทบาทในการปราบปรามการแข็งเมืองในภูมิภาคนั้น เพื่อแสดงแสนยานุภาพของอยุธยา
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะด้านการปฏิรูประบบการปกครองของกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงนำอาณาจักรเข้าสู่ระบบบริหารที่มีระเบียบแบบแผนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น วางรากฐานอันมั่นคงให้กับรัฐ ซึ่งส่งผลต่อการจัดระเบียบราชการของไทยในยุคต่อมา การปฏิรูปของพระองค์ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจการปกครองเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสังคม วัฒนธรรม และความมั่นคงของชาติในระยะยาว
เป็นอย่างไรกันบ้าง? หวังว่าหลังอ่านบทความนี้แล้ว น้อง ๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญของ “พระบรมไตรโลกนาถ” กันมากขึ้นนะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand

บทความล่าสุด
ทั่วไป สังคมและประวัติศาสตร์
ศิลปะคริสเตียนยุคแรก: ต้นกำเนิดงานศิลป์ประวัติศาสตร์โลก
วิทยาศาสตร์
พลังงานไฟฟ้า เกิดขึ้นได้อย่างไร ปัจจุบันนี้มีวิธีผลิตกี่แบบ มาหาคำตอบกัน
วิทยาศาสตร์
ไฟฟ้ากระแสตรง(DC) และกระแสสลับ(AC) แตกต่างกันอย่างไร? มาไขคำตอบกัน