“สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า กลาง ใหม่” มีสถานที่ใดบ้าง? และแต่ละที่มีความน่าสนใจอย่างไร? บทความนี้พี่ TUTOR VIP สรุปรวมไว้ให้แล้ว ตามไปเที่ยวชมแต่ละที่ไปด้วยกันเลย!
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกคืออะไร?
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก คือ สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งมีความโดดเด่น และมีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์, สถาปัตยกรรม, ปฏิมากรรม และความงดงาม ซึ่งมีความตื่นตาจนยากที่จะเชื่อว่ามนุษย์หรือธรรมชาติจะสร้างสิ่งที่งดงามขนาดนี้ขึ้นมาได้
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แบ่งออกเป็น 3 ยุค คือ ยุคเก่า, ยุคกลาง และยุคใหม่ ซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้จัดทำรายการอย่างชัดเจน สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในแต่ละยุคจะมีสถานที่ใดบ้าง ตามไปดูในหัวข้อถัดไปกันเลย
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า คาดว่าถูกจัดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริศต์ศักราชในสมัยกรีกโบราณ โดยมีสถานที่ที่ถูกจัดเป็น “สิ่งมหัศจรรย์” ทั้งหมด 7 แห่ง ดังนี้
1.มหาพีระมิดแห่งกิซา (Great Pyramid of Giza) ประเทศอียิปต์
คือ พีระมิดที่มีความใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มพีระมิดแห่งกีซา สร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu) แห่งราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพ ไว้รอการกลับมาคืนชีพ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น
มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
2.มหารูปแห่งโรดส์ (Colossus of Rhodes) ประเทศกรีซ
คือ เทวรูปขนาดใหญ่ของเทพฮีลิออส หรือ อพอลโล เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า มีความสูงประมาณ 33 เมตร มือขวาถือประทีป ประดิษฐานบนฐานทั้งสองข้างของปากอ่าวทางเข้าท่าเรือของเกาะโรดส์ ในทะเลอีเจียน ยืนถ่างขาคร่อมปากอ่าวให้เรือลอดไปมาได้
มหารูปนี้สร้างขึ้นโดย ชาเรสแห่งลินดอส ซึ่งเป็นประติมากรชาวกรีก ในราว 280 ปี ก่อนคริสตกาล ใช้เวลาสร้างประมาณ 12 ปี มีอายุยืนอยู่ได้ประมาณ 60 ปี ก่อนจะพังทลายลงด้วยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อ 226 ปี ก่อนคริสตกาล ซากชิ้นส่วนของมหารูปได้ถูกปล่อยปละละเลยไม่มีใครดูแล จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ซากที่เหลืออยู่ถูกขายให้แก่ชาวเมืองซาราเซน ไปทำอาวุธในการทำสงครามครูเสดจนหมด จนถึงปัจจุบันไม่มีเหลือซากของมหารูปนี้หลงเหลืออยู่แล้ว
3.สวนลอยบาบิโลน (Hanging Gardens of Babylon) ประเทศอิรัก
คือ สวนลอยที่สร้างโดยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 แห่งกรุงบาบิโลเนีย สร้างให้แก่มเหสีของพระองค์ชื่อพระนางอมีทิส สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สูงประมาณ 75 ฟุต กินพื้นที่ 400 ตารางฟุต ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนพุ่มชนิดต่าง ๆ มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีสไปทำเป็นน้ำตกและนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดปี ปัจจุบันสวนลอยบาบิโลนได้พังทลายสูญหายไปหมดแล้ว
4.ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย (Lighthouse of Alexandria) ประเทศอียิปต์
คือ ประภาคารโบราณซึ่งจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรส เมืองอเล็กซานเดรีย ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สร้างเมื่อประมาณ 270 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในรัชสมัยพระเจ้าปโตเลมีที่ 1 โดยสถาปนิกชื่อ โซสเตรโตส
ตัวประคาภารมีความสูงไม่แน่ชัด แต่อยู่ในระหว่าง 200-600 ฟุต (ขนาดพอ ๆ กับ เทพีเสรีภาพ) สร้างด้วยหินอ่อนแกะสลัก มีตะเกียงขนาดใหญ่บนยอด นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าในเวลากลางวันจะปล่อยควัน ในเวลากลางคืนจะเป็นแสงไฟสว่างที่เห็นได้จากระยะไกล
ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย มีอายุอยู่ได้ยาวนานถึง 1,600 ปี จนกระทั่งในประมาณศตวรรษที่ 13-14 เกิดแผ่นดินไหวทำให้ประภาคารพังลงมา
5.สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส (Mausoleum at Halicarnassus) ประเทศทูร์เคีย
คือ สุสานขนาดใหญ่ของกษัตริย์โมโซลูสแห่งลิเชีย ในเอเชียไมเนอร์ จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า
สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส ตั้งอยู่ที่ฮาลิคาร์นัสเซิส ประเทศทูร์เคีย ในปัจจุบัน สร้างขึ้นโดยราชินีอาเตมีสเซีย ระหว่าง 353-350 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในรูปแบบสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ มีบันทึกไว้ว่า มีขนาดสูงถึง 140 ฟุต ฐานโดยรอบยาวถึง 460 ฟุต บนยอดสุดเป็นพื้นเหลี่ยมเล็กกว่าฐานล่าง ได้ปั้นเป็นรูปราชรถและม้า 1 ชุด กำลังวิ่ง และมีกษัตริย์และพระมเหสีประทับยืนอยู่บนราชรถม้า ประกอบด้วยลวดลายสวยงามมาก
สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส พังทลายลงด้วยเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 ปัจจุบันจึงเหลือแต่เพียงซากชิ้นส่วน และชิ้นส่วนบางอย่างถูกเก็บรักษาไว้ที่ บริติช มิวเซียม ในประเทศอังกฤษ
6.เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย (Statue of Zeus at Olympia) ประเทศกรีซ
คือ เทวรูปของซูส ซึ่งเป็นประธานเทวสภาโอลิมปัส สร้างจากไม้ ประดับด้วยทองคำและงาช้าง ลักษณะประทับนั่ง อยู่บนฐานกว้าง 10 เมตรครึ่ง ตัวเทวรูปสูงประมาณ 12 เมตร (43 ฟุต) พระหัตถ์ซ้ายถือคทา พระหัตถ์ขวารองรับไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะ มีเครื่องประดับด้วยทองคำล้วน ออกแบบก่อสร้างในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช โดย ฟิดิแอส ประติมากรชาวเอเธนส์ เทวรูปนี้ประดิษฐานอยู่ในวิหารซูส ที่โอลิมเปีย ประเทศกรีซ
เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า และได้ถูกทำลายลงเพราะอัคคีภัยในปี ค.ศ. 475 ปัจจุบันนี้ไม่เหลือซากชิ้นส่วนใด ๆ หลงเหลืออยู่เลย
7.วิหารอาร์ทิมิส (Temple of Artemis) ประเทศทูร์เคีย
คือ มหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อถวายเทพีอาร์ทิมิส มหาวิหารนี้เคยถูกวางเพลิงโดยเฮโรสตราตัสเมื่อ 356 ปีก่อนคริสต์ศักราช เพียงเพื่อต้องการที่จะจารึกชื่อตนเองลงในประวัติศาสตร์ ภายหลังได้รับการซ่อมแซมโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช
ปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากเสาเท่านั้นหลังจากถูกทำลายโดยพวกกอธที่เข้ามารุกรานเมื่อปีคริสต์ศักราช 262 เพื่อเปลี่ยนเมืองเอเฟซัสเป็นเมืองแห่งคริสตศาสนา แทนที่ศาสนากรีกโรมัน
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง มีนักเขียนหลากหลายคนได้จัดสถานที่ที่จัดว่าเป็น “7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง” เอาไว้ ทำให้ข้อมูลบางแหล่งอาจมีรายชื่อสถานที่ไม่ตรงกัน แต่สถานที่ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง” มีดังนี้
1.สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย (Catacombs of Kom El Shoqafa) ประเทศอียิปต์
คือ สถานที่ฝังศพใต้ดินของกษัตริย์อียิปต์โบราณอีกแบบหนึ่งนอกเหนือไปจากพีระมิด อยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ อุโมงค์แห่งนี้มีชื่อเรียกว่า คาตาโกมบ์ (catacombs) โดยขุดลึกเข้าไปในภูเขาหินทรายเป็นขั้นๆ บางตอนมีความลึกถึง 70-80 ฟุต มีทางเดินกว้าง 3-4 ฟุต ทางเดินจะวกไปเวียนมาเป็นระยะทางนับร้อยไมล์ ผนังอุโมงค์ถูกเจาะเป็นช่อง ๆ ลึกเข้าไปเพื่อใช้เป็นที่บรรจุศพ มีแท่นบูชาและตะเกียงดวงเล็ก ๆ แขวนไว้ บางส่วนของอุโมงค์แห่งนี้ได้ตบแต่งเอาไว้อย่างวิจิตรพิสดารสภาพในปัจจุบันยังคงความสมบูรณ์เอาไว้พอที่จะให้ผู้สนใจเข้าไปเที่ยวชมได้
2.โคลอสเซียม (Colosseum) ประเทศอิตาลี
คือ สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่าง ๆ ในปัจจุบัน ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 10 ปี
3.กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) ประเทศจีน
คือ กำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบุกรุก
กำแพงเมืองจีนยังคงเรียกว่า “กำแพงหมื่นลี้” สำนักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน ประกาศเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ว่านักโบราณคดีได้ตรวจวัดความยาวของสิ่งก่อสร้างจากน้ำมือมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ “กำแพงเมืองจีน” อย่างเป็นทางการนานร่วม 5 ปี ตั้งแต่ค.ศ. 2008-2012 และพบว่ายาวกว่าที่บันทึกไว้เดิมกว่า 2 เท่า หรือ 21,196.18 กิโลเมตร จากเดิม 8,850 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศและนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ด้วย
4.ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) ประเทศทูร์เคีย
คือ ศาสนสถานจากปลายสมัยโบราณ ตั้งอยู่ในอิสตันบูล สร้างใน ค.ศ. 537 เพื่อเป็นอาสนวิหารประจำเขตอัครบิดรคอนสแตนติโนเปิล นับเป็นโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิโรมันตะวันออกและศาสนจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์
ต่อมาใน ค.ศ. 1453 หลังจากที่เสียคอนสแตนติโนเปิลให้แก่จักรวรรดิออตโตมัน ศาสนสถานนี้ก็ได้รับการแปรเปลี่ยนเป็นมัสยิด ใน ค.ศ. 1935 สาธารณรัฐเติร์กซึ่งเป็นกลางทางศาสนาได้จัดศาสนสถานนี้เป็นพิพิธภัณฑ์แทน กระทั่งใน ค.ศ. 2020 จึงมีการเปิดศาสนสถานนี้เป็นมัสยิดอีกครั้ง
5.หอเอนปิซา (Leaning Tower of Pisa) ประเทศอิตาลี
คือ หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีลักษณะเป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวมประมาณ 14,500 ตัน มีบันไดรวมทั้งสิ้น 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร
6.เจดีย์กระเบื้องเคลือบ (Porcelain Tower of Nanjing) ประเทศจีน
คือ ตั้งอยู่ที่เมืองนานกิง ประเทศจีน สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในสมัยราชวงศ์หมิง เจดีย์มีลักษณะทรงรูปแปดเหลี่ยม หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว ชายคาแขวนกระดิ่ง 80 ลูกโดยรอบ องค์เจดีย์ก่ออิฐประดับกระเบื้องเคลือบยอดแหลมเป็นทรงกลมต่อขึ้นไปเคลือบทอง เดิมองค์เจดีย์มีเพียง 3 ชั้น ในประมาณพ.ศ. 1973 จักรพรรดิหย่งเล่อโปรดสร้างอีก 6 ชั้น รวม 9 ชั้น มีโซ่โยงจากเหลี่ยมของเจดีย์ 8 เส้น มีกระดิ่งตามแนว 72 ลูก เจดีย์ทรุดโทรมมากเนื่องจากถูกเผาสมัยเกิดกบฏไท่ผิงเทียนกั๋วเมื่อพ.ศ. 2392 ภายหลังซากเจดีย์ถูกนำไปสร้างเป็นอาคารอื่น เหลือแต่เพียงฐานรากของเจดีย์
ต่อมาในปีพ.ศ. 2553 หวัง เจี้ยนหลิน นักธุรกิจชาวจีนบริจาคเงินจำนวน 156 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้เมืองนานกิงเพื่อก่อสร้างเจดีย์ใหม่ มีการเปิดให้เข้าชมเจดีย์องค์ที่สร้างใหม่และสวนสาธารณะรอบ ๆ ในปี พ.ศ. 2558
7.สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ประเทศอังกฤษ
คือ อนุสรณ์สถานยุคก่อนประวัติศาสตร์ กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain) ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ตัวอนุสรณ์สถานประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนกัน
นักโบราณคดีเชื่อว่ากลุ่มกองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเมื่อประมาณ 3000–2000 ปีก่อนคริสตกาล จากการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีเมื่อ พ.ศ. 2551 เผยให้เห็นว่าหินก้อนแรกถูกวางตั้งเมื่อประมาณ 2400–2200 ปีก่อนคริสตกาล ในขณะที่ทฤษฎีอื่น ๆ ระบุว่ากลุ่มหินที่ถูกวางตั้งมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
จากการเปิดโหวตทางโทรศัพท์และทางออนไลน์โดยองค์กร New7Wonders ในปี ค.ศ.2007 จากจำนวนการโหวตกว่า 100 ล้านโหวต ได้จัด 7 สถานที่ดังนี้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่”
1.กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) ประเทศจีน
ได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อสิ่งมหัศจรรย์ของโลกทั้งในยุคกลางและยุคใหม่
2.เปตรา (Petra) ประเทศจอร์แดน
คือ นครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลเดดซีกับอ่าวอะกาบาในประเทศจอร์แดน นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อโยฮัน ลูทวิช บวร์คฮาร์ท นักสำรวจชาวสวิส เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี ค.ศ. 1812 ปัจจุบันสามารถเดินทางเข้าไปโดยอาศัยม้าเท่านั้น
3.รูปปั้นพระเยซูคริสต์ (Christ the Redeemer) ประเทศบราซิล
คือ ประติมากรรมพระเยซู ตั้งอยู่บนยอดเขากอร์โกวาดู ประเทศบราซิล สูงราว 38 เมตร โดยปอล ลันดอฟสกี ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์เป็นผู้ออกแบบ และเอโตร์ ดา ซิลวา กอชตา วิศวกรชาวบราซิลดำเนินการสร้าง ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี โดยทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2474
ประติมากรรมนี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของกรุงรีโอเดจาเนโร และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบราซิล มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ราว 1,800,000 รายต่อปี
4.มาชูปิกชู (Machu Picchu) หรือนครสาบสูญแห่งอินคา ( The Lost City of the Incas ) ประเทศเปรู
คือ เมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาในประเทศเปรู อยู่สูงจากระดับนำทะเลถึง 2,350 เมตร มาชูปิกชูสร้างโดยจักรวรรดิ์อินคา และถูกทิ้งร้างเมื่ออินคาพ่ายแพ้แก่ชาวสเปน จนกระทั่งถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวอเมริกันชื่อ ฮิราม บิงแฮม ( Hiram Bingham ) ในปีค.ศ. 1911
5.ชิเชนอิตซา (Chichen Itza) ประเทศเม็กซิโก
คือ โบราณสถานสำคัญที่แสดงถึงอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาวมายาในประเทศเม็กซิโก สร้างขึ้นในสมัยอารยธรรมมายัน หรือระหว่างศตวรรษที่ 10 – 15 ปัจจุบันตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือคาบสมุทรยูคาตัน ทางตอนกลางของประเทศเม็กซิโก
ชีเชนอิตซา เป็นวิหารที่โด่งดังที่สุดของชนเผ่ามายา และถือเป็นศูนย์กลางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอารยธรรมมายันด้วย ภายในพื้นที่มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ และทรงคุณค่าหลายชิ้น
6.โคลอสเซียม (Colosseum) ประเทศอิตาลี
ได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อสิ่งมหัศจรรย์ของโลกทั้งในยุคกลางและยุคใหม่
7.ทัชมาฮาล (Taj Mahal) ประเทศอินเดีย
คือ อาคารฝังศพสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวงาช้าง ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำทางใต้ของแม่น้ำยมุนา ในเมืองอัคระ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ทัชมาฮาลเริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1632 โดยจักรพรรดิโมกุล เพื่อตั้งศพของพระสนมเอก มุมตาช มหัล และเป็นที่ตั้งพระศพของจักรพรรดิชาห์ชะฮันเอง
ทัชมาฮาลประกอบด้วยตัวอาคารสุสาน, มัสยิด และเกสต์เฮาส์ รายล้อมด้วยสวน การก่อสร้างทัชมาฮาลสำเร็จสมบูรณ์ในปี 1643 แต่มีการก่อสร้างในเฟสอื่น ๆ ของโครงการที่ดำเนินต่อไปอีกกว่า 10 ปี
ทัชมาฮาลได้รับสถานะเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในปี ค.ศ. 1983 ในฐานะ “เพชรน้ำเอกของศิลปะมุสลิมในอินเดีย และเป็นหนึ่งในงานชิ้นเอกที่ได้รับการชื่นชมในระดับสากล” และได้รับการยกย่องโดยหลายบุคคลให้เป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมโมกุล
เป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ละสถานที่น่าทึ่งและสวยงามทั้งนั้นเลยใช่ไหม? หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ และช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจเรื่อง “สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า กลาง ใหม่” มากขึ้นนะ
ส่วนใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
“อารยธรรมโรมัน” อารยธรรมที่ทรงอิทธิพลถึงปัจจุบัน
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุป ‘อารยธรรมกรีก’ อารยธรรมโบราณที่มีเสน่ห์
สังคมและประวัติศาสตร์
เจาะลึก ‘อารยธรรมอียิปต์’! อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก