พระราชประวัติ ในหลวง ร.9: กษัตริย์นักคิด นักพัฒนา และผู้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

     สวัสดีทุกคน บทความนี้ พี่ TUTOR VIP จะพาไปศึกษาพระราชประวัติของ “ในหลวง รัชกาลที่ 9” กษัตริย์นักคิด นักพัฒนา และผู้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามไปศึกษาเรื่องราวของพระองค์พร้อมกันในบทความเลย

ประวัติส่วนพระองค์

    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2470 ณ โรงพยาบาลเมานต์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระโอรสพระองค์ที่สาม และเป็นพระโอรสองค์สุดท้องในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระเชษฐภคินีคือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา และพระเชษฐาคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) 

    ขณะทรงพระเยาว์ พระองค์เสด็จกลับประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2471 และประทับอยู่เพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนจะเสด็จไปประทับที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อศึกษาต่อ ทรงเริ่มการศึกษาชั้นต้นที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และต่อมาเข้าศึกษา ณ มหาวิทยาลัยโลซานน์ ในสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และต่อมาทรงเปลี่ยนไปศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ ก่อนจะเปลี่ยนมาเรียนรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เพื่อเตรียมพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ 

    นอกจากพระปรีชาด้านวิชาการแล้ว พระองค์ยังทรงมีพระปรีชาสามารถด้านดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งดนตรีแจ๊ส ทรงเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น แซกโซโฟน คลาริเน็ต เปียโน นอกจากนี้ยังทรงสนพระราชหฤทัยด้านการถ่ายภาพ กีฬา และวรรณกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นรากฐานของพระราชกรณียกิจในหลายด้านตลอดรัชสมัย

กษัตริย์นักคิด นักพัฒนา

• พระอัจฉริยภาพและแนวคิด

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเป็นกษัตริย์นักคิดที่เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพในศาสตร์หลากหลายแขนง อาทิ ดนตรี (โดยเฉพาะแซกโซโฟน), วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, การถ่ายภาพ, วรรณกรรม และการประดิษฐ์คิดค้น 

    หนึ่งในพระราชกรณียกิจที่โดดเด่นคือ การออกแบบและพัฒนาเครื่องกลเติมอากาศแบบทุ่นลอยน้ำหมุนช้า หรือที่รู้จักกันในนาม “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 พระองค์ทรงศึกษา คิดค้น และทดลองแนวทางใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกร เช่น การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การอนุรักษ์ดิน การจัดการเคมีเกษตรอย่างปลอดภัย และการส่งเสริมการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

• โครงการในพระราชดำริ

    ตลอดระยะเวลาแห่งการครองราชย์ พระองค์ทรงริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการทั่วประเทศ โดยล้วนมุ่งแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างเป็นระบบ โครงการสำคัญ อาทิ 

• • โครงการฝนหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ทรงเริ่มมีพระราชดำริเมื่อปี 2498 และบรรลุผลสำเร็จในปี 2512
  • โครงการแก้มลิง แนวคิดบริหารจัดการน้ำผ่านระบบพื้นที่กักเก็บน้ำตามธรรมชาติ ลดปัญหาน้ำท่วมและขาดแคลนน้ำ 
  • โครงการแกล้งดิน เพื่อฟื้นฟูดินเปรี้ยวให้กลับมาใช้ประโยชน์ทางเกษตรกรรมได้ 
  • ศูนย์ศึกษาการพัฒนา ตั้งขึ้นทั่วประเทศเพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนโดยใช้แนวคิดบูรณาการด้านทรัพยากรธรรมชาติ เกษตร และสิ่งแวดล้อม

    โครงการเหล่านี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาจากต้นเหตุ ด้วยความเข้าใจสภาพภูมิประเทศ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความร่วมมือกับประชาชนอย่างใกล้ชิด 

    ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด คือคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และการต่อยอดไปสู่การใช้งานในระดับประเทศ รวมถึงการเป็นต้นแบบให้กับนานาชาติในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผู้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

• ที่มาและสาระสำคัญ

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงพระราชทาน “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” แก่พสกนิกรชาวไทย เพื่อเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตและพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 

• • การดำเนินชีวิตอย่าง “พอเพียง” หมายถึงความพอประมาณ มีเหตุผล และมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
  • มี 2 เงื่อนไขประกอบ คือ การใช้ “ความรู้” และ “คุณธรรม” ในการตัดสินใจและปฏิบัติในทุกระดับ ตั้งแต่ครัวเรือน ชุมชน จนถึงระดับประเทศ
  • ปรัชญานี้ไม่ได้ปฏิเสธความเจริญทางวัตถุ หากแต่เน้นให้พัฒนาอย่างยั่งยืนและสมดุล ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม

หลักปรัชญานี้ได้รับการสนับสนุนอย่างชัดเจนโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

• การประยุกต์ใช้ในระดับชาติและสากล

    ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ต่างน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายมิติ เช่น การพัฒนาชุมชนโดยใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น การเกษตรแบบผสมผสาน การบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีจริยธรรม การใช้ชีวิตโดยไม่ฟุ้งเฟ้อ 

    องค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ยกย่องปรัชญานี้ว่าเป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ และได้แนะนำให้ประเทศต่างๆ นำไปศึกษาและประยุกต์ใช้ ผลลัพธ์ที่ปรากฏชัดเจน คือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ครัวเรือนมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การส่งเสริมความสามัคคีในชุมชน และการวางรากฐานเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเข้มแข็งและพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลก

มรดกทางความคิดและแรงบันดาลใจ

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและสัจจะในพระราชกรณียกิจ ความคิดและโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงริเริ่มและสนับสนุนนั้น ได้กลายเป็นมรดกทางปัญญาที่ถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทยในหลายมิติ อาทิ

• • การเกษตรและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ: โครงการพระราชดำริมากมายเน้นการฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำ ป่าไม้ ดิน และระบบนิเวศ เช่น โครงการฝนหลวง, แกล้งดิน, และแก้มลิง ซึ่งเป็นแบบอย่างของการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ผสมผสานภูมิปัญญาไทยกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
  • การศึกษาและการพัฒนาชุมชน: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาและโครงการต่างๆ เป็นพื้นที่ทดลองและถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในเชิงปฏิบัติและจิตสำนึก
  • เศรษฐกิจ: ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ทรงพระราชทาน เป็นแนวทางพื้นฐานในการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนระดับครัวเรือนและระดับประเทศ
  • การเสริมสร้างชุมชน: พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาททรงเน้นความสำคัญของความสามัคคี การช่วยเหลือเกื้อกูล จิตสำนึกสาธารณะ และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคม

    ในปัจจุบัน แนวพระราชดำริของพระองค์ได้เป็นกรอบแนวคิดที่ผู้นำรุ่นใหม่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนยึดถือและนำไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการพัฒนาองค์กร ชุมชน และสังคม โดยเน้นหนักที่

• • ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  • ความพอเพียงและความยั่งยืนในทุกภาคส่วน
  • การเคารพความหลากหลายและบริบทท้องถิ่นในการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ

    พระราชจริยวัตรอันเรียบง่ายแต่ทรงคุณค่าและทรงพลังของพระองค์ รวมถึงการแสดงความเมตตาต่อประชาชนและความมุ่งมั่นในการสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้แก่คนไทยทุกกลุ่ม ให้อุทิศตนในการพัฒนาตนเองและประเทศชาติอย่างมีสติ ปัญญา และความเมตตา

    เป็นอย่างไรกันบ้าง? หวังว่าหลังอ่านบทความนี้แล้ว น้อง ๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติและพระปรีชาสามารถของ “รัชกาลที่ 9” กันมากขึ้นนะ 

    สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ

   บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ

ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand