รู้หรือไม่? Java และ JavaScript ชื่อคล้ายกันแต่จริง ๆ แล้วเป็นคนละภาษากัน บทความนี้พี่ TUTOR VIP จะพาน้อง ๆ มาทำความรู้จักทั้งสองภาษากัน ตามไปเรียนรู้พร้อมกันในบทความเลย
ภาษา Java และ JavaScript คืออะไร?
ภาษาJava คือ ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Programming: OOP) ที่พัฒนาโดย Sun Microsystems
-
- เป็นภาษาที่ทำงานบนแพลตฟอร์มใดก็ได้ (Platform-Independent) เพราะใช้ Java Virtual Machine (JVM)
- ได้รับความนิยมในงานพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น ระบบองค์กร, แอปพลิเคชัน Android, และซอฟต์แวร์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์
ภาษาJavaScript คือ ภาษาโปรแกรมฝั่งลูกข่าย (Client-Side) ที่นิยมใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์
-
- พัฒนาโดย Netscape
- ใช้เพิ่มความสามารถโต้ตอบ (Interactive) บนเว็บไซต์
- เป็นภาษาที่ รันได้ในเบราว์เซอร์ แต่ปัจจุบันสามารถรันฝั่งเซิร์ฟเวอร์ได้ด้วย Node.js
คุณสมบัติและจุดเด่น
ภาษา Java
-
เขียนครั้งเดียว ใช้ได้ทุกที่ (Write Once, Run Anywhere)
-
- Java มีความสามารถในการ ทำงานข้ามแพลตฟอร์ม เนื่องจากโค้ด Java ถูกคอมไพล์เป็น Bytecode ซึ่งสามารถรันบน Java Virtual Machine (JVM)
- JVM เป็นตัวกลางที่ช่วยแปลง Bytecode ให้ทำงานบนระบบปฏิบัติการต่างๆ เช่น Windows, macOS, Linux
- นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดใหม่สำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม
ประโยชน์ของคุณสมบัตินี้
-
- ลดเวลาพัฒนา ไม่ต้องเขียนโค้ดหลายเวอร์ชัน
- เพิ่มความสะดวกในการแจกจ่ายซอฟต์แวร์ เช่น แอปพลิเคชันองค์กรแอปพลิเคชันเดียวที่พัฒนาใน Java สามารถนำไปใช้กับเซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลาย เช่น ระบบ Windows Server หรือ Linux Server ได้โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ด
-
รองรับ OOP เต็มรูปแบบ
Java สนับสนุนแนวคิดของ Object-Oriented Programming (OOP) ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถออกแบบระบบที่ ยืดหยุ่น และ ดูแลรักษาได้ง่าย
-
- Class: ใช้สร้างแม่แบบ (Template) สำหรับการสร้าง Object
- Object: หน่วยพื้นฐานของ OOP ที่เป็นตัวแทนของข้อมูล
- Inheritance: การสืบทอดคุณสมบัติจาก Class แม่ไปยัง Class ลูก
- Polymorphism: การทำงานในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การ Overload หรือ Override Method
- Encapsulation: การซ่อนรายละเอียดภายในและให้เข้าถึงผ่าน Method
-
ปลอดภัยสูง
Java ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย โดยมีฟีเจอร์ที่ช่วยลดช่องโหว่ เช่น
-
- การจัดการหน่วยความจำ (Memory Management) ใช้ Garbage Collector เพื่อลดปัญหาการจัดการหน่วยความจำผิดพลาด
-
- ไม่มี Pointers ลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงหน่วยความจำโดยตรง
-
- Security Manager ช่วยกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงทรัพยากรของโปรแกรม
-
- Runtime Exception Handling ช่วยป้องกันการทำงานที่ไม่คาดคิด
ประโยชน์ของความปลอดภัยใน Java
-
- เหมาะสำหรับการพัฒนาระบบที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง เช่น ระบบธนาคาร หรือแอปพลิเคชันทางการเงิน
-
เครื่องมือพัฒนาที่แข็งแกร่ง
Java มีเครื่องมือพัฒนา (IDE) ที่หลากหลายและทรงพลัง ช่วยให้การเขียนโค้ดเป็นเรื่องง่ายและสะดวกและลดความผิดพลาดในการเขียนโค้ด
-
ชุมชนผู้พัฒนาขนาดใหญ่
Java มีชุมชนผู้พัฒนาและผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้นักพัฒนาสามารถ เข้าถึงแหล่งข้อมูล เช่น เอกสาร คู่มือการใช้งาน บล็อก และฟอรัมออนไลน์ ใช้ไลบรารีและเฟรมเวิร์ก เช่น Spring, Hibernate, และ Apache Struts และรับความช่วยเหลือได้ง่ายผ่านเว็บไซต์ Stack Overflow หรือ GitHub
ภาษา JavaScript
-
ทำงานในเบราว์เซอร์ได้ทันที
JavaScript เป็นภาษาโปรแกรมที่สามารถรันได้โดยตรงในเบราว์เซอร์ โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม
-
- เบราว์เซอร์ทุกตัว (เช่น Google Chrome, Firefox, Safari) มี JavaScript Engine ในตัว เช่น V8 (ใน Chrome)
- นักพัฒนาเพียงแค่เขียนโค้ดลงในไฟล์ HTML แล้วฝัง JavaScript เข้าไป โค้ดก็จะรันได้ทันที
-
โต้ตอบกับผู้ใช้
JavaScript ช่วยให้เว็บไซต์สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ในลักษณะ Interactive ได้ เช่น
-
- การคลิก (Click Events) เช่น การกดปุ่มแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง
- การเลื่อน (Scroll Events) ใช้สร้างเอฟเฟกต์หรือโหลดข้อมูลเพิ่มเติม
- การป้อนข้อมูล (Input Events) เช่น การตรวจสอบข้อมูลในแบบฟอร์ม
-
รองรับการพัฒนาแบบ Asynchronous
JavaScript สามารถจัดการงาน Asynchronous ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์
-
- โหลดข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real-Time) เช่น การดึงข้อมูลจาก API โดยไม่ต้องโหลดหน้าเว็บใหม่
- ปรับปรุงประสิทธิภาพ ไม่ต้องรอให้โค้ดทั้งหมดทำงานเสร็จเพื่อแสดงผล
-
ทำงานร่วมกับ HTML และ CSS ได้ดี
JavaScript ทำงานได้อย่างราบรื่นเมื่อใช้ร่วมกับ HTML และ CSS โดยสามารถ
-
- ควบคุมโครงสร้าง HTML เช่น การเพิ่ม/ลบ และเปลี่ยนแปลงเนื้อหา
- ปรับแต่งสไตล์ CSS เช่น การเปลี่ยนสีหรือขนาดขององค์ประกอบ
ซึ่งทำให้เว็บไซต์มีฟังก์ชันที่หลากหลาย เช่น การแสดง/ซ่อนข้อมูล และช่วยสร้างแอนิเมชันหรือเอฟเฟกต์ที่สวยงามอีกด้วย
-
มีไลบรารีและเฟรมเวิร์กมากมาย
JavaScript มีไลบรารีและเฟรมเวิร์กที่ช่วยลดความยุ่งยากในการพัฒนา เช่น
-
- React: ใช้สร้าง User Interface แบบ Dynamic
- Angular: เฟรมเวิร์กสำหรับพัฒนาเว็บแอปขนาดใหญ่
- Vue.js: ไลบรารีที่ใช้งานง่ายและยืดหยุ่น
การนำภาษา Java ไปใช้
ภาษา Java มีการนำไปใช้งานในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น
-
การพัฒนาแอปพลิเคชันบน Android
Java เป็นภาษาหลักที่ใช้พัฒนา แอปพลิเคชันบน Android
-
- Android SDK (Software Development Kit) พัฒนาโดย Google ซึ่งสนับสนุน Java เป็นหลัก
- นักพัฒนาสามารถใช้ Android Studio ซึ่งเป็น IDE อย่างเป็นทางการสำหรับการสร้างแอป Android
-
ระบบฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (Backend)
Java เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับพัฒนา ระบบฝั่งเซิร์ฟเวอร์ หรือ Backend เนื่องจาก
-
- รองรับการทำงานแบบมัลติเธรดดิง (Multithreading)
- มีเฟรมเวิร์กและแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง เช่น Spring, Hibernate, และ Apache Tomcat
- เหมาะสำหรับระบบขนาดใหญ่ เช่น ระบบธนาคาร, ระบบจองตั๋ว, และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและรองรับปริมาณการใช้งานสูงได้
-
สร้างโปรแกรมเดสก์ท็อป
Java สามารถใช้สร้าง โปรแกรมเดสก์ท็อป ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ได้ เช่น Windows, macOS และ Linux เหมาะสำหรับโปรแกรมที่ต้องการความยืดหยุ่นและรองรับหลายแพลตฟอร์ม รวมไปถึงการพัฒนาโปรแกรมที่ใช้งานในองค์กร เช่น โปรแกรมจัดการคลังสินค้า หรือระบบจัดการฐานข้อมูล อีกทั้งยังรองรับการแสดงผลกราฟิกและอินเทอร์เฟซที่ปรับแต่งได้
-
ระบบ IoT และ Embedded Systems
Java ถูกใช้อย่างแพร่หลายใน ระบบ IoT (Internet of Things) และ Embedded Systems เนื่องจาก
-
- มีแพลตฟอร์มอย่าง Java ME (Micro Edition) ที่เหมาะสำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก
- มีความสามารถในการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ เช่น เซ็นเซอร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ
ตัวอย่างการใช้งาน
-
- อุปกรณ์สมาร์ทโฮม เช่น การควบคุมหลอดไฟหรือเครื่องปรับอากาศ
- ระบบอุตสาหกรรม เช่น หุ่นยนต์ที่ใช้ในสายการผลิต
- ระบบติดตาม เช่น GPS Tracker
การนำภาษา JavaScript ไปใช้
ภาษา JavaScript มีการนำไปใช้งานในวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น
-
พัฒนาเว็บไซต์
JavaScript ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการสร้างและปรับปรุงฟังก์ชันของเว็บไซต์ โดยเฉพาะการเพิ่มความ Interactive ให้กับหน้าเว็บ เช่น
-
- การสร้างปุ่มโต้ตอบ เมื่อผู้ใช้คลิกปุ่ม จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การแสดงข้อความหรือย้ายไปยังหน้าถัดไป
-
- แอนิเมชัน ใช้สร้างการเคลื่อนไหว เช่น การเลื่อนภาพ (Carousel) หรือการเปลี่ยนสีปุ่มเมื่อชี้เมาส์
-
- แบบฟอร์ม ใช้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Validation) ก่อนส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์
-
พัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application)
JavaScript เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา Web Applications เช่น
-
- Gmail ใช้ JavaScript เพื่อโหลดและส่งอีเมลแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องรีเฟรชหน้าเว็บ
-
- Facebook ใช้ JavaScript สำหรับการอัปเดตฟีดข่าว (News Feed) แบบไดนามิก
-
พัฒนาแอปมือถือและเดสก์ท็อป
JavaScript สามารถใช้สร้างแอปพลิเคชันมือถือและเดสก์ท็อปได้ด้วย เฟรมเวิร์กที่เหมาะสม เช่น
-
- React Native ใช้พัฒนาแอปมือถือสำหรับทั้ง Android และ iOS โดยใช้โค้ดชุดเดียว
- Electron ใช้สร้างแอปเดสก์ท็อปที่สามารถทำงานบน Windows, macOS และ Linux
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของแต่ละภาษา
คุณสมบัติ |
ภาษา Java |
ภาษา JavaScript |
ประเภทภาษา |
ภาษาเชิงวัตถุ (OOP) |
ภาษาเชิงสคริปต์ |
แพลตฟอร์ม |
ใช้ได้ทุกที่ผ่าน JVM |
รันบนเบราว์เซอร์ (หรือ Node.js) |
การใช้งานหลัก |
ระบบขนาดใหญ่ แอปมือถือ |
หน้าเว็บ แอปพลิเคชันเว็บ |
ความซับซ้อน |
โครงสร้างซับซ้อนกว่า |
ง่ายและยืดหยุ่นกว่า |
เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย? หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้น้อง ๆ จะรู้จักภาษา Java และ JavaScript กันมากขึ้นนะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
วิทยาศาสตร์
สรุป “การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก รอยเลื่อนต่างๆ เเละทวีปในอดีต”
วิทยาศาสตร์
สำรวจ “ชนิดของเมฆ” มีอะไรบ้าง?
วิทยาศาสตร์
เจาะลึก โครงสร้างของโลก มีอะไรบ้าง?