สวัสดีจ้า บทความนี้ พี่ TUTOR VIP จะพาน้อง ๆ ไปเปิดโลกของ “อักษรในภาษาญี่ปุ่น” ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น อักษรภาษาญี่ปุ่นจะมีความน่าสนใจอย่างไรตามไปดูพร้อมกันในบทความเลย
อักษรภาษาญี่ปุ่น
ภาษาญี่ปุ่นใช้ระบบการเขียนที่ประกอบด้วยตัวอักษร 3 รูปแบบหลัก ดังนี้
-
- อักษรฮิรางานะ (Hiragana) มีทั้งหมด 46 ตัวอักษร ใช้สำหรับเขียนคำภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิมและคำช่วยต่าง ๆ ฮิรางานะเป็นตัวอักษรที่แสดงถึงเสียงพยางค์ โดยมีเสียงสระ 5 เสียง ได้แก่ あ (อะ), い (อิ), う (อุ), え (เอะ), お (โอะ)
- อักษรคาตากานะ (Katakana) ใช้สำหรับเขียนคำทับศัพท์จากภาษาต่างประเทศและคำยืม รวมทั้งใช้ในการเน้นคำพูด คาตากานะก็มี 46 ตัวอักษรเช่นเดียวกับฮิรางานะ แต่มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกัน
- อักษรคันจิ (Kanji) เป็นตัวอักษรที่ได้รับอิทธิพลจากอักษรจีน มีความหมายเฉพาะตัวและสามารถอ่านได้หลายแบบขึ้นอยู่กับบริบท โดยในชีวิตประจำวันมีการใช้อักษรคันจิจำนวนมากกว่า 2,000 ตัว
การเขียนภาษาญี่ปุ่นมักจะใช้การผสมผสานระหว่างอักษรฮิรางานะ, คาตากานะ และคันจิ ซึ่งทำให้ระบบการเขียนมีความซับซ้อนและหลากหลาย เช่น
- 「私の名前はジョンです。」(Watashi no namae wa Jon desu.)
- วะตะชิ โนะ นะมาเอะ วะ จน เดสึ – ฉันมีชื่อว่าจอห์น
จะเห็นได้ว่าในประโยคนี้มีการใช้อักษรทั้ง 3 รูปแบบในประโยคเดียว
อักษรฮิรางานะ
อักษรฮิรางานะ (Hiragana : ひらがな) ประกอบด้วย 46 ตัวอักษร ที่ใช้แสดงเสียงพยางค์ ซึ่งรวมถึงเสียงสระ 5 เสียง ได้แก่ あ (อะ), い (อิ), う (อุ), え (เอะ), และ お (โอะ) รวมทั้งเสียงพยัญชนะอื่นๆ ที่สามารถรวมกับสระเพื่อสร้างคำได้
อักษรฮิรางานะถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน (ประมาณ ค.ศ. 800) โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้หญิงสามารถอ่านและเขียนได้ง่ายขึ้นในขณะที่ใช้ตัวอักษรคันจิ (漢字) สำหรับการศึกษาและวรรณกรรม ในปัจจุบัน ฮิรางานะถูกใช้ในการเขียนคำภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิม คำช่วย และส่วนท้ายของคำกริยา นอกจากนี้ยังใช้ในการเขียนกำกับคันจิที่เรียกว่า ฟุริงานะ (Furigana) เพื่อช่วยบอกเสียงอ่านของคันจินั้นๆ
ฮิรางานะมีลักษณะการเขียนที่มนและโค้งมน ซึ่งแตกต่างจากคาตากานะ (Katakana : カタカナ) ที่มีลักษณะเหลี่ยมและใช้สำหรับเขียนคำทับศัพท์จากภาษาต่างประเทศหรือคำที่ต้องการเน้นเสียง
โดยอักษรฮิรางานะทั้ง 46 ตัว มีดังนี้
- あ อะ a
- い อิ i
- う อุ u
- え เอะ e
- お โอะ o
- か คะ ka
- き คิ ki
- く คุ ku
- け เคะ ke
- こ โคะ ko
- さ สะ sa
- し ชิ shi
- す สุ su
- せ เสะ se
- そ โสะ so
- た ทะ ta
- ち จิ chi
- つ ทสึ tsu
- て เทะ te
- と โทะ to
- な นะ na
- に นิ ni
- ぬ นุ nu
- ね เนะ ne
- の โนะ no
- は ฮะ ha
- ひ ฮิ hi
- ふ ฟุ fu
- へ เฮะ he
- ほ โฮะ ho
- ま มะ ma
- み มิ mi
- む มุ mu
- め เมะ me
- も โมะ mo
- や ยะ ya
- ゆ ยุ yu
- よ โยะ yo
- ら ระ ra
- り ริ ri
- る รุ ru
- れ เระ re
- ろ โระ ro
- わ วะ wa
- を โอะ wo
- ん น (อึง) n
อักษรคาตากานะ
อักษรคาตากานะ (Katakana : カタカナ) ประกอบด้วย 46 ตัวอักษร ที่ใช้แสดงเสียงพยางค์ โดยมีความสำคัญในการเขียนคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ, ชื่อชาวต่างชาติ, ชื่อสถานที่ รวมถึงคำเลียนเสียงธรรมชาติ (Onomatopoeia)
อักษรคาตากานะถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน (ประมาณ ค.ศ. 800) โดยเดิมทีใช้สำหรับการย่ออักษรคันจิ ซึ่งเป็นอักษรจีนที่ซับซ้อน ตัวอักษรนี้มีลักษณะเหลี่ยมและคมชัด แสดงถึงความแข็งแกร่ง ในอดีตคาตากานะมักจะถูกใช้โดยผู้ชาย แต่ในปัจจุบันมีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งในกลุ่มผู้ชายและผู้หญิง
โดยอักษรคาตากานะทั้ง 46 ตัว มีดังนี้
- ア อะ a
- イ อิ i
- ウ อุ u
- エ เอะ e
- オ โอะ o
- カ คะ ka
- キ คิ ki
- ク คุ ku
- ケ เคะ ke
- コ โคะ ko
- サ ซะ sa
- シ ชิ shi
- ス ซุ su
- セ เซะ se
- ソ โซะ so
- タ ทะ ta
- チ จิ chi
- ツ ทสึ tsu
- テ เทะ te
- ト โทะ to
- ナ นะ na
- ニ นิ ni
- ヌ นุ nu
- ネ เนะ ne
- ノ โนะ no
- ハ ฮะ ha
- ヒ ฮิ hi
- フ ฟุ fu
- ヘ เฮะ he
- ホ โฮะ ho
- マ มะ ma
- ミ มิ mi
- ム มุ mu
- メ เมะ me
- モ โมะ mo
- ヤ ยะ ya
- ユ ยุ yu
- ヨ โยะ yo
- ラ ระ ra
- リ ริ ri
- ル รุ ru
- レ เระ re
- ロ โระ ro
- ワ วะ wa
- ヲ โอะ wo
- ン น (อึง) n
อักษรคันจิ
อักษรคันจิ (Kanji : 漢字) เป็นระบบการเขียนที่ยืมมาจากอักษรจีนมาใช้ในภาษาญี่ปุ่น โดยคันจิมีความหมายว่า “ตัวอักษรของชาวฮั่น” ซึ่งสะท้อนถึงต้นกำเนิดว่าจากประเทศจีน อักษรคันจิเข้ามาในญี่ปุ่นประมาณศตวรรษที่ 4-5 ผ่านคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งในช่วงนั้นในภาษาญี่ปุ่นยังไม่มีระบบการเขียนเป็นของตัวเองจึงได้รับอักษรคันจิมาใช้ในการเขียน
คันจิมักจะถูกใช้ร่วมกับอักษรฮิรางานะและคาตากานะในประโยคเดียวกัน โดยมากจะใช้ในการเขียนชื่อคน, สิ่งของ, และชื่อสถานที่
ลักษณะของคันจิ
อักษรคันจิ แต่ละตัวมีความหมายเฉพาะตัวและสามารถอ่านออกเสียงได้หลายแบบ ทั้งแบบจีน (on’yomi : 音読み) และแบบญี่ปุ่น (kun’yomi : 訓読み) ทำให้การเรียนรู้คันจิต้องใช้ความพยายามสูง เนื่องจากมีวิธีอ่านหลายแบบ
ปัจจุบันมีคันจิที่ควรรู้มากกว่า 6,000 ตัว แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน จะใช้ประมาณ 2,000-3,000 ตัว
สำหรับคันจิพื้นฐานที่ควรรู้มีดังนี้
คันจิ |
Romanji |
เสียงอ่านไทย |
คำแปล |
|
1 |
人 |
hito |
ฮิโตะ |
คน |
2 |
大 |
dai / oo |
ได/โอ |
ใหญ่ |
3 |
小 |
shou |
โชว |
เล็ก |
4 |
日 |
nichi / hi |
นิจิ/ฮิ |
วัน/พระอาทิตย์ |
5 |
月 |
getsu / tsuki |
เก็ตทสึ/ทสึกิ |
เดือน/พระจันทร์ |
6 |
年 |
nen |
เน็น |
ปี |
7 |
目 |
me |
เมะ |
ตา |
8 |
耳 |
mimi |
มิมิ |
หู |
9 |
手 |
te |
เทะ |
มือ |
10 |
口 |
kuchi |
คุจิ |
ปาก |
เป็นอย่างไรกันบ้าง หวังว่าหลังน้อง ๆ อ่านบทความนี้แล้ว จะช่วยให้น้อง ๆ รู้จักตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น ได้ลึกซึ้งขึ้นนะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
ทั่วไป
เลือกติวเตอร์ตัวต่อตัวอย่างไรให้เหมาะสมกับเรา?
คอมพิวเตอร์ ทั่วไป
เปิดโลก ภาษา Python ภาษาที่เรียนรู้ง่าย
ทั่วไป คอมพิวเตอร์
เปิดโลก ภาษา C / C++ / C# พื้นฐานที่ควรรู้