“อารยธรรมโรมัน” อารยธรรมที่ทรงอิทธิพลถึงปัจจุบัน

อารยธรรมโรมัน อารยธรรมที่ทรงอิทธิพลถึงปัจจุบัน

     เคยสงสัยไหมว่าทำไมอารยธรรมโรมันถึงมีอิทธิพลจนถึงปัจจุบัน? ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุด จักรวรรดิโรมันถือเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้เวลาจะผ่านไปหลายศตวรรษ แต่หลักการทางกฎหมายและการปกครองของโรมันยังคงส่งผลต่อระบบการเมืองและกฎหมายในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ชักน่าสนใจแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วตามไปรู้จัก “อารยธรรมโรมัน” ในบทความไปพร้อมกันเลย!

อารยธรรมโรมันคืออะไร

อารยธรรมโรมัน คืออะไร?

    อารยธรรมโรมัน เกิดขึ้นจากการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวอิตาลิก(Italic) ในบริเวณริมแม่น้ำไทเบอร์ บนคาบสมุทรอิตาลี โดยหลังจากที่รบชนะชาวอีทรัสคัน (Etruscan) ซึ่งเป็นชนกลุ่มเดิมที่อาศัยในบริเวณนี้แล้วจึงได้ก่อตั้งอาณาจักรโรม และกรุงโรม เมื่อ 753 ปีก่อนคริสต์ศักราช 

    ต่อมาอารยธรรมโรมันก็เจริญเติบโตเรื่อยมา สามารถแบ่งได้เป็น 3 ยุคใหญ่ ๆ ดังนี้

     1. ยุคราชอาณาจักรโรมัน (753–509 ปีก่อนคริสตกาล)

ยุคราชอาณาจักรโรมัน

    เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการก่อตั้งและพัฒนาอารยธรรมโรมัน ซึ่งมีประเด็นสำคัญดังนี้ 

  • การก่อตั้งกรุงโรม 

    กรุงโรมถูกก่อตั้งเมื่อ 753 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยตามตำนานกล่าวว่าเป็นการก่อตั้งโดยโรมุลุสและแรมุส (Romulus and Remus) ซึ่งเป็นฝาแฝดที่มีเชื้อสายจากเทพเจ้า

  • การตั้งถิ่นฐานของชนชาวอิตาลิก

    ชนชาวอิตาลิก ได้ตั้งถิ่นฐานบริเวณริมแม่น้ำไทเบอร์ และเริ่มพัฒนาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ จนกลายเป็นเมืองที่มีความเข้มแข็ง

  • ระบบการปกครอง 

     ระบอบกษัตริย์: กรุงโรมในช่วงแรกถูกปกครองโดยกษัตริย์จำนวน 7 พระองค์ ซึ่งรวมถึงโรมุลุส (Romulus) ผู้ก่อตั้งกรุงโรม กษัตริย์เหล่านี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งที่มีการแข่งขัน แต่มีการเลือกตั้งโดยวุฒิสภาและคณะอินแตร์เรกส์ (Interrex) ที่ทำหน้าที่เสนอชื่อผู้สมัคร

     การเปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐ:  509 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวโรมันได้โค่นล้มกษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงโรมคือ กษัตริย์ลูกิอุส ตาร์กวินิอุส ซุแปร์บุส (Lucius Tarquinius Superbus) เหตุการณ์นี้นำไปสู่การสิ้นสุดของระบอบกษัตริย์และการจัดตั้งระบบสาธารณรัฐ

 

    2. ยุคสาธารณรัฐโรมัน (509–27 ปีก่อนคริสตกาล)

ยุคสาธารณรัฐโรมัน

    เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการพัฒนาอารยธรรมโรมัน โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

  • การจัดตั้งระบบสาธารณรัฐ

    หลังจากการโค่นล้มกษัตริย์ โรมได้เปลี่ยนไปสู่ระบบสาธารณรัฐ โดยมีการเลือกตั้งกงสุลสองคนที่มีอำนาจในการบริหาร ระบบนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองมากขึ้น แม้ว่าจะยังมีการจำกัดสิทธิของชนชั้นต่ำ (เพลเบียน) ในช่วงแรก

  • กงสุลและวุฒิสภา

    สาธารณรัฐโรมันมีการปกครองโดยกงสุลสองคนที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากชนชั้นสูง (แพทริเชียน) และมีบทบาทในการให้คำปรึกษาและกำหนดนโยบาย

  • การแบ่งแยกอำนาจ

    ระบบการปกครองแบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายนิติบัญญัติ, ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายบริหาร ซึ่งช่วยให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ

  • ​​การปฏิรูปของซีซาร์

    จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) ได้ดำเนินการปฏิรูปหลายด้าน เช่น การขยายวุฒิสภาและสร้างงานสำหรับคนยากจน 

    ยุคสาธารณรัฐโรมันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การขยายอาณาเขต และความขัดแย้งภายใน ซึ่งส่งผลต่อวิวัฒนาการของอารยธรรมโรมันในอนาคต

 

    3. ยุคจักรวรรดิโรมัน (27 ปีก่อนคริสตกาล–ค.ศ. 476)

ยุคจักรวรรดิโรมัน

    เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โรมัน ซึ่งมีประเด็นสำคัญดังนี้

  • การขึ้นสู่อำนาจของเอากุสตุส

    หลังจากการสิ้นสุดของยุคสาธารณรัฐ จักรพรรดิเอากุสตุส (Augustus) ได้สถาปนาตัวเป็นจักรพรรดิองค์แรก เมื่อ 27 ปีก่อนคริสต์ศักราช ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการปกครองแบบสาธารณรัฐไปสู่ระบอบอัตตาธิปไตย

  • ระยะเวลาของความสงบสุข

    ช่วงเวลานี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “สันติภาพโรมัน” (Pax Romana) ซึ่งกินเวลาประมาณ 200 ปี โดยมีการขยายอาณาเขตและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างมาก

  • การพิชิตดินแดนใหม่

    จักรวรรดิโรมันขยายอาณาเขตไปถึงบริเวณที่เป็นประเทศในปัจจุบัน เช่น อังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน, และดินแดนในตะวันออกกลาง รวมถึงชัยชนะเหนือดาเซียในปี ค.ศ. 106 และเมโสโปเตเมียในปี ค.ศ. 116

  • การจัดระเบียบทางการเมือง

    จักรวรรดิถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ จักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออก ในสมัยของจักรพรรดิดิออเกลติอานุส (Diocletian) ซึ่งมีการจัดระเบียบการปกครองอย่างชัดเจน

  • ปัจจัยที่นำไปสู่การล่มสลาย

    จักรวรรดิโรมันตะวันตกเริ่มเสื่อมโทรมในคริสต์ศตวรรษที่ 3 เนื่องจากความขัดแย้งภายใน การรุกรานจากชนเผ่าต่าง ๆ และวิกฤติทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 476 เมื่อจักรพรรดิองค์สุดท้ายถูกขับไล่

    ยุคจักรวรรดิโรมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์โลกอย่างมากมาย

    

อารยธรรมโรมัน

     อารยธรรมโรมันเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลก มีการพัฒนาและขยายตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การก่อตั้งกรุงโรมในปี 753 ก่อนคริสต์ศักราช จนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในปี ค.ศ. 476 ประเด็นสำคัญของอารยธรรมโรมันมีดังนี้

การปกครองและการเมืองของอารยธรรมโรมัน

การปกครองและการเมือง

    ระบอบสาธารณรัฐ: หลังจากการโค่นล้มระบอบกษัตริย์ในปี 509 ก่อนคริสต์ศักราช โรมเปลี่ยนเป็นระบบสาธารณรัฐ โดยมีการเลือกตั้งกงสุลและวุฒิสภา

    กฎหมายและหลักการปกครอง: โรมันพัฒนากฎหมายที่สำคัญ เช่น กฎหมายสิบสองโต๊ะ (Twelve Tables) และประมวลกฎหมายของจักรพรรดิจัสติเนียน (Corpus Juris Civilis) ซึ่งกลายเป็นรากฐานของกฎหมายในยุโรป

การแบ่งชนชั้น

    การแบ่งชนชั้นในอารยธรรมโรมันมีความซับซ้อนและมีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างทางสังคมและการเมือง โดยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

  • แพทริเชียน (Patricians) คือ ชนชั้นสูงที่มีอำนาจและฐานะทางสังคมสูง ประกอบด้วยครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกันและมีอิทธิพลทางการเมือง เศรษฐกิจ และศาสนา
    • แพทริเชียนเป็นสมาชิกของวุฒิสภา (Senate) และมีสิทธิในการให้คำปรึกษาแก่กษัตริย์ในยุคแรก และต่อมาในระบอบสาธารณรัฐ พวกเขายังคงมีอำนาจในการกำหนดนโยบายและควบคุมการบริหารอีกด้วย
  • เพลเบียน (Plebeians) คือ ประชาชนทั่วไปที่ประกอบอาชีพหลากหลาย เช่น ช่างฝีมือ พ่อค้า และเกษตรกร ส่วนใหญ่เป็นคนชนชั้นกลางหรือชนชั้นต่ำ
    • เพลเบียน เป็นประชากรส่วนใหญ่ของโรม แต่นช่วงแรกไม่มีสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามพวกเขาเริ่มเรียกร้องสิทธิและมีส่วนร่วมในการปกครองมากขึ้นในระยะเวลาต่อมา โดยมีการจัดตั้งสภาของตนเองเพื่อรักษาผลประโยชน์
  • คลีเอนต์ (Clients) คือ กลุ่มที่มีฐานะต่ำที่สุดในสังคม เช่น คนงานที่ทำงานในที่ดินของแพทริเชียน โดยได้รับค่าจ้างหรือส่วนแบ่งจากผลผลิต คลีเอนต์พึ่งพาแพทริเชียนทางเศรษฐกิจและอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขา ซึ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์แบบลูกหนี้และเจ้าหนี้ในสังคมโรมัน 




ศิลปะและสถาปัตยกรรมของอารยธรรมโรมัน

ศิลปะและสถาปัตยกรรม

    ศิลปะและสถาปัตยกรรมโรมันได้รับอิทธิพลจากกรีก โดยมีการปรับปรุงรูปแบบต่าง ๆ ให้เข้ากับวัฒนธรรมและความต้องการของชาวโรมัน เช่น การใช้เสาแบบดอริก, ไอออนิก และโคอรินเทียน แต่ยังมีการพัฒนาที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยศิลปะและสถาปัตยกรรมของโรมันที่โดดเด่นมีดังนี้

  • การใช้ซุ้มโค้ง (Arch)

    โรมันพัฒนาการใช้ซุ้มโค้งในการสร้างสิ่งก่อสร้าง ทำให้สามารถสร้างโครงสร้างที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรงได้ เช่น โคลอสเซียม (Colosseum)

  • การใช้ยอดโค้ง (Vault) และโดม (Dome)

    การใช้ยอดโค้งช่วยให้สามารถสร้างเพดานที่สูงขึ้นและมีพื้นที่ภายในมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาคารที่สำคัญ เช่น วิหารแพนธีอัน (Pantheon)

ศิลปะและสถาปัตยกรรมของอารยธรรมโรมัน-2
  • โคลอสเซียม  (Colosseum)

    สนามกีฬาใหญ่ที่สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน ใช้สำหรับจัดการแข่งขันกีฬาและการแสดงต่าง ๆ เป็นตัวอย่างของความสามารถทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

  • วิหารแพนธีอัน (Pantheon)

    เทวสถานที่มีโดมขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงอยู่ในสภาพดี ใช้เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าหลายองค์ และต่อมาเป็นคริสต์ศาสนสถาน

  • โรงอาบน้ำ (Roman Baths)

    โรงอาบน้ำเช่น โรงอาบน้ำไดโอคลีเชียน (Baths of Diocletian) และโรงอาบน้ำคาราคัลลา (Baths of Caracalla) เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่ซับซ้อน มีระบบระบายน้ำและระบบทำความร้อนที่ทันสมัย

  • ประติมากรรมโรมัน

    มักแสดงถึงความงามของร่างกายมนุษย์และเทพเจ้า โดยมีการช้หินอ่อนในการสร้างผลงานที่ละเอียดและสมจริง เช่น

  • ประติมากรรมเลออโคออนและบุตร (Laocoön and His Sons)

ผลงานที่มีชื่อเสียงนี้แสดงถึงเลาคูนและบุตรชายของเขาที่ถูกงูกัด เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการแสดงอารมณ์และการเคลื่อนไหวในประติมากรรม

  • ประติมากรรมเทพมาส์ (Mars)

รูปปั้นของเทพมาร์สซึ่งเป็นเทพแห่งสงคราม เป็นที่รู้จักในฐานะเทพเจ้าที่สำคัญในวรรณกรรมโรมัน และมีการสร้างรูปปั้นเพื่อบูชาเทพเจ้านี้

 

    โดยรวมแล้ว ศิลปะและสถาปัตยกรรมของอารยธรรมโรมันเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถทางเทคนิค และความเข้าใจในรูปแบบของความงาม ซึ่งยังคงได้รับการชื่นชมจนถึงทุกวันนี้



ภาษาและวรรณกรรมของอารยธรรมโรมัน

ภาษา

    ภาษาละติน กลายเป็นภาษาพื้นฐานของหลายประเทศในยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน

วรรณกรรม

    วรรณกรรมในอารยธรรมโรมันมีความโดดเด่นและมีอิทธิพลต่อวรรณกรรมตะวันตกอย่างมาก โดยเฉพาะจากการได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมกรีกและการพัฒนาผลงานที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง วรรณกรรมที่สำคัญในอารยธรรมโรมัน เช่น 

  1. อีนีอิด (Aeneid) 

     ผู้ประพันธ์: เวอร์จิล (Virgil) 

    มหากาพย์นี้เล่าเรื่องราวของอีนีอิด วีรบุรุษชาวทรอย ผู้หลบหนีจากกรุงทรอยที่ถูกทำลายและเดินทางไปยังอิตาลีเพื่อก่อตั้งเมืองใหม่ อีนีอิดไม่เพียงแต่เป็นผลงานวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังมีการแฝงนัยทางการเมืองเพื่อสรรเสริญจักรพรรดิเอากุสตุส

  1. บทกวีของกิแกโร (Cicero)

     ผู้ประพันธ์: มาร์กุส ตุลลิอุส กิแกโร (Marcus Tullius Cicero)

    กิแกโรเป็นนักการเมือง นักปรัชญา และนักเขียนที่มีชื่อเสียง ผลงานเกี่ยวกับการเมืองและปรัชญาของเขาได้ส่งอิทธิพลต่อแนวคิดทางการเมืองในยุคต่อมา

ศาสนาและเทพปกรณัมของอารยธรรมโรมัน

ศาสนาและเทพปกรณัม

    ชาวโรมันได้รับอิทธิพลจากเทพปกรณัมกรีก และมีการปรับเปลี่ยนชื่อและลักษณะของเทพเจ้า เช่น ซูส (Zeus) กลายเป็น จูปิเตอร์ (Jupiter), โพไซดอน (Poseidon) เป็น เนปจูน (Neptune), และอะธีนา (Athena) เป็น มิเนอร์วา (Minerva) เป็นต้น

    ในช่วงปลายยุคจักรวรรดิ โรมันเริ่มเผชิญกับการแพร่กระจายของคริสต์ศาสนา ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างความเชื่อดั้งเดิมกับความเชื่อใหม่ จนกระทั่งจักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) ได้ประกาศให้คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมายในปี ค.ศ. 313

 

      เป็นอย่างไรกันบ้าง หวังว่าหลังอ่านบทความนี้แล้ว น้อง ๆ จะได้ความรู้และเข้าใจเรื่อง “อารยธรรมโรมัน” มากขึ้นนะ

    ส่วนใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ


   บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ

 

ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand

 

สนใจเรียนพิเศษประวัติศาสตร์ตัวต่อตัว ติดต่อได้ที่👇

Line logo LINE ID: @tutorvip หรือคลิ๊ก https://lin.ee/UQ3gQwP
 
ดูอัตราค่าเรียนพิเศษได้ที่ : https://tutor-vip.com/course/learning-price/
 

บทความล่าสุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save