สวัสดีจ้าน้อง ๆ วันนี้เราก็จะมาเข้าสู่ประเด็นที่มีความสำคัญอย่างมากประเด็นหนึ่งในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษกัน นั่นก็คือ เรื่อง “Tense” ซึ่งเรื่องTense จะช่วยให้เราเข้าใจว่าสิ่งที่สื่อสารออกมาเกิดขึ้นในช่วงเวลาไหนนั่นเอง
เลือกอ่านเนื้อหาที่ต้องการ
Tense คืออะไร?
“Tense” คือการเปลี่ยนรูปของคำกริยาเพื่อแสดงช่วงเวลาต่าง ๆ ในประโยคภาษาอังกฤษ ใช้บอกเหตุการณ์ที่กำลังบรรยายในประโยคว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด โดยแบ่งออกไป 3 ช่วง
ในแต่ละช่วงจะประกอบด้วย 4 Tense รวมทั้งหมดมี 12 Tenses ดังนี้ คือ
- Present Tense ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ประกอบด้วย
- Present Simple Tense
- Present Continuous Tense
- Present Perfect Tense
- Present Perfect Continuous Tense
- Past Tense ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ประกอบด้วย
- Past Simple Tense
- Past Continuous Tense
- Past Perfect Tense
- Past Perfect Continuous Tense
- Future Tense ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบด้วย
- Future Simple Tense
- Future Continuous Tense
- Future Perfect Tense
- Future Perfect Continuous Tense
แต่ละ Tense มีวิธีการใช้งานอย่างไรตามไปดูในหัวข้อถัดไปได้เลย
Present Tense
Present Tense ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรือข้อเท็จจริง ถือเป็น Tense พื้นฐานที่ทุกคนต้องใช้ในภาษาอังกฤษ Present Tense มีทั้งหมด 4 รูปแบบโดยมีวิธีใช้ดังนี้
1.Present Simple Tense
- ใช้โครงสร้างประโยค: Subject + V. 1
- ใช้กับเหตุการณ์ปัจจุบัน
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน, ทุกเดือน หรือทุกปี
- เหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ
- การกระทำที่ทำจนเป็นนิสัย
- เหตุการณ์ที่เป็นจริงขณะพูด
ตัวอย่างประโยค:
- I study English every day. (ฉันเรียนภาษาอังกฤษทุกวัน)
- The sun rises in the east and sets in the west. (ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก)
2.Present Continuous Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + V. to be (is/am/are) + V.ing
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำมาอย่างยาวนาน หรือเกิดขึ้นบ่อยจนเกินไป (รู้สึกในทางลบ)
- เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคตอันใกล้
ตัวอย่างประโยค:
- She is eating dinner now. (เธอกำลังกินข้าวเย็นอยู่)
- They are studying for their exams this evening. (พวกเขาจะอ่านหนังสือเตรียมสอบเย็นนี้)
3.Present Perfect Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + V. to have (has/ have) + V.3
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงถึงปัจจุบัน
- ใช้บอกว่าเคยหรือไม่เคยทำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
- ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงใหม่ๆ
- ใช้กับเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว แต่ผู้พูดยังคงรู้สึกถึงผลของเหตุการณ์นั้นอยู่
- ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และอาจเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ตัวอย่างประโยค:
- We have already finished our work. (เราได้ทำงานเสร็จแล้ว)
- I have never tasted sushi before. (ฉันไม่เคยทานซูชิมาก่อน)
4.Present Perfect Continuous Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + V. to have (has/ have) + been + V.ing
- เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
- บอกเหตุการณ์อนาคตที่วางไว้ล่วงหน้า
- เหตุการณ์ที่ “เกิดขึ้น/เริ่มต้น” ในอดีต และ “กำลังดำเนินอยู่ต่อเนื่อง” ถึงปัจจุบัน
ตัวอย่างประโยค:
- They have been studying Thai for three years. (พวกเขาเรียนภาษาไทยมาเป็นเวลาสามปีแล้ว)
- He has been practicing the guitar for hours. (เขาฝึกกีตาร์มาหลายชั่วโมงแล้ว)
Past Tense
Past Tense ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต Past Tense มีทั้งหมด 4 รูปแบบโดยมีวิธีใช้ดังนี้
1.Past Simple Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + V.2
- เหตุการณ์ที่เกิดและจบลงในอดีต
- เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต แต่ปัจจุบันเลิกทำแล้ว
ตัวอย่างประโยค:
- He played football yesterday. (เขาเล่นฟุตบอลเมื่อวาน)
- She traveled to France last summer. (เธอไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศสตอนฤดูร้อนที่ผ่านมา)
2.Past Continuous Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + was/were + V.ing
- 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และดำเนินไปพร้อมกันในอดีต
เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีตใช้ Past Continuous ส่วนเหตุการณ์ที่เข้ามาแทรกใช้ Past Simple Tense
- ใช้เพื่อแสดงว่ากำลังเกิดเหตุการณ์นั้นอยู่ในอดีต
ตัวอย่างประโยค:
- They were sleeping when I arrived. (พวกเขากำลังนอนเมื่อฉันมาถึง)
- I was reading a book while waiting for the bus.(ฉันกำลังอ่านหนังสือขณะที่กำลังรอรถเมล์)
3.Past Perfect Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + had + V.3
- Subject + had + V.3 & Subject + V.1
- ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงก่อนจะใช้ Past Perfect ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากนั้นใช้ Past Simple Tense
- ใช้ wish + Past Perfect เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจกับเหตุการณ์ในอดีต
ตัวอย่างประโยค:
- She had already finished her homework before dinner. (เธอได้ทำการบ้านเสร็จแล้วก่อนมื้อเย็น)
- I wish I had studied harder for the exam. (ฉันน่าจะอ่านหนังสือเตรียมสอบให้มากกว่านี้)
4.Past Perfect Continuous Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + had + been + V.ing
Subject + had + been + V.ing + (time) & Subject + V.2
- 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นและดำเนินอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่อีกเหุการณ์หนึ่งจะเกิด
ตัวอย่างประโยค:
- We had been studying French for two hours before the exam. (เราได้อ่านหนังสือเตรียมสอบภาษาฝรั่งเศสมาสองชั่วโมงก่อนสอบ)
- She had been studying Spanish for a year before she moved to Spain. (เธอได้เรียนภาษาสเปนเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่เธอจะย้ายไปประเทศสเปน)
Future Tense
Future Tense ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต Future Tense มีทั้งหมด 4 รูปแบบโดยมีวิธีใช้ดังนี้
1.Future Simple Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + will + V.1
- ใช้กับเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
- ใช้ในการให้คำมั่นสัญญา หรือเสนออะไรให้ใคร
ตัวอย่างประโยค:
- They will go to the beach next week. (พวกเขาจะไปชายหาดในสัปดาห์หน้า)
- He will start his new job on Monday. (เขาจะเริ่มทำงานใหม่ในวันจันทร์)
2.Future Continuous Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + will + be + V.ing
- ใช้บอกว่า ณ เวลาหนึ่งในอนาคตจะมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
- ใช้แสดงความตั้งใจว่าจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในอนาคต
ตัวอย่างประโยค:
- She will be working late tonight. (เธอจะทำงานดึกคืนนี้)
- At this time tomorrow, I will be attending a meeting. (ฉันจะเข้าร่วมประชุมในเวลานี้วันพรุ่งนี้)
3.Future Perfect Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + will + have + V.3
Subject + will + have + V.3 & Subject + V.1
- เหตุการณ์ที่จะต้องจบลงในอนาคต
- บรรยาย 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์หนึ่งจะเกิดขึ้นและจบลงก่อนในอนาคตใช้ Future Perfect ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดทีหลังใช้ Present Simple
ตัวอย่างประโยค:
- He will have finished his project by tomorrow. (เขาจะทำโครงการเสร็จภายในวันพรุ่งนี้)
- We will have planted all the trees in the garden before spring arrives. (เราจะปลูกต้นไม้ทั้งหมดในสวนก่อนฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง)
4.Future Perfect Continuous Tense
- โครงสร้างประโยค: Subject + will + have + been + V.ing + (time) & Subject + V.1
- ใช้เหมือนกับ Future Perfect แต่ Future Perfect Continuous จะเน้นความต่อเนื่องของเหตุการณ์
ตัวอย่างประโยค:
- We will have been waiting for two hours when they arrive. (เราจะรออีกสองชั่วโมงจนพวกเขามาถึง)
- They will have been studying Spanish for six months by the time they go to Spain. (พวกเขาจะเรียนภาษาสเปนเป็นเวลา 6 เดือน จนถึงเวลาที่พวกเขาไปสเปน)
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจและสามารถใช้ Tense ทั้ง 12 Tenses ได้อย่างเพลิดเพลินและถูกต้องนะ
ส่วนน้อง ๆ คนไหนที่กำลังมองหาที่ติวภาษาอังกฤษ หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุปลำดับราชวงศ์ของไทย
ภาษาไทย
สรุปหลักเกณฑ์คำทับศัพท์แบบเข้าใจง่าย
ภาษาไทย
ปูพื้นฐานความรู้ภาษาไทยเรื่อง คำราชาศัพท์