สวัสดีจ้า บทความนี้จะพาน้อง ๆ ไปสำรวจ “ลุ่มแม่น้ำต้นกำเนิดอารยธรรมโลก” ว่ามีความน่าสนใจอย่างไร? และจะมีอารยธรรมใดบ้าง? บอกเลยว่าสนุกและได้สาระแน่นอน ตามไปดูในบทความกันเลย!
กำเนิดอารยธรรมของมนุษย์
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์จะไม่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง มีที่พักชั่วคราวตามถ้ำต้นไม้ใหญ่เพื่อกันแดดกันฝนและป้องกันสัตว์ร้าย โดยมนุษย์จะอพยพย้ายที่อยู่ตามแหล่งอาหารคือ ฝูงสัตว์ กล่าวคือเมื่อสัตว์อพยพไปตามฤดูกาลต่างๆ มนุษย์ก็อพยพตามไปด้วย
ต่อมาในยุคหินเริ่มมีการเพาะปลูก ต้องรอการเก็บเกี่ยวพืชผล ทำให้ต้องอยู่เป็นหลักแหล่งและเริ่มพัฒนาเป็นชุมชน และเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นตามลุ่มแม่น้ำต่างๆ ของโลกซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ จึงเกิดการจัดระเบียบในสังคม มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบร่วมกัน ทำให้เกิดความชำนาญเฉพาะอย่างขึ้น อันเป็นจุดกำเนิดของอารยธรรมมนุษย์ ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Civilization” มีความหมายว่า “สภาพที่พ้นจากความป่าเถื่อน”
อารยธรรมของมนุษย์ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
- อารยธรรมของโลกตะวันออก คือ อารยธรรมจีนและอินเดีย
- อารยธรรมของโลกตะวันตก คือ อารยธรรมในดินแดนแถบตะวันตกของทวีปเอเชีย รวมเอเชียไมเนอร์และทวีปแอฟริกา, อียิปต์, เมโสโปเตเมีย, กรีกและโรมัน
โดยในบทความนี้จะพูดถึง 4 อารยธรรมหลัก คือ อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส, อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์, อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ และอารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโห
1.อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส หรืออารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ อารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกสมัยโบราณ ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ 2 สาย คือแม่น้ำไทกริส และแม่น้ำยูเฟรติส ปัจจุบันอยู่ในเขตแดนของประเทศอิรัก แม่น้ำทั้ง 2 สายมีต้นน้ำที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งบนที่ราบสูงอาร์เมเนียนและไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวเปอร์เซีย บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกรีส และยูเฟรตีส ตอนล่างเรียกว่าบาบิโลเนีย ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
ดินแดนแห่งนี้ถูกเรียกว่า “เมโสโปเตเมีย” แปลว่า “ดินแดนระหว่างแม่น้ำ” มีอาณาเขตตั้งแต่อ่าวเปอร์เซียทางตะวันออก ไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันตก แบ่งดินแดนเป็น 2 ส่วนคือ
- เมโสโปเตเมีย ที่ราบระหว่างแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส
- บาบิโลเนีย ที่ราบทางตอนใต้ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส
บริเวณนี้แหล่งที่มีการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ และผู้ที่เข้าครอบครองดินแดนแถบนี้ส่วนมากจะเป็นพวกเร่ร่อนในทะเลทราย ถ้ากลุ่มใดเข้มแข็งก็มีอำนาจปกครองอาณาบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ พวกที่อ่อนแอก็จะเร่ร่อนต่อไป หรืออยู่ในอำนาจของผู้ที่แข็งแรงกว่า
การปกครองแต่ละเมืองจึงเป็นแบบนครรัฐ มีอิสระ ชนชาติต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในแถบนี้มีหลายเผ่าพันธุ์ โดยกลุ่มชนต่างๆ ที่สร้างสรรค์อารยธรรมและมีหลักฐานปรากฏอยู่ มีดังนี้
- ชาวสุเมเรียน (Sumerians)
เป็นชนเผ่าแรกที่สร้างความเจริญขึ้นในบริเวณเมโสโปเตเมีย ซึ่งเชื่อกันว่า ชาวสุเมเรียนได้อพยพมาจากที่ราบสูงอิหร่าน และได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณตอนล่างสุดของลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติสตรงส่วนที่ติดกับอ่าวเปอร์เซีย
ชาวสุเมเรียน เป็นชนกลุ่มแรกที่ประดิษฐ์ตัวอักษร คือ “คูนิฟอร์ม” หรืออักษรรูปลิ่ม มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคือเทวสถาน “ซิกกูแรต” และมีมหากาพย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคือ “มหากาพย์กิลกาเมซ”
- ชาวแอคคัค (Akkad)
เป็นพวกเร่ร่อนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณซีเรียและทะเลทรายอาหรับ ได้เข้ามารุกรานยึดครองพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมโสโปเตเมียเมื่อประมาณ 2,300 ปีก่อน
- ชาวอมอไรต์ (Amorite)
เป็นชนเผ่าเซเมติก อพยพจากทะเลทรายอาระเบีย เข้ามายึดครองนครรัฐของชาวสุเมเรียนและสถาปนาจักรวรรดิบาบิโลเนียขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยมีนครบาบิโลนเป็นศูนย์กลางการปกครอง ซึ่งมีกษัตริย์ที่สำคัญคือพระเจ้าฮัมมูราบี
- ชาวฮิตไตท์ (Hittite)
เป็นชนเผ่าอินโดยูโรเปียนที่ตั้งถิ่นฐานทางตอนใต้รัสเซียได้อพยพขยายตัวมาตามแม่น้ำยูเฟรติส และเข้าโจมตีทางเหนือของซีเรียและปล้นสะดมกรุงบาบิโลเนียของพวกอมอไรต์เมื่อประมาณ 1,595 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกอมอไรต์จึงหมดอำนาจลง กล่าวกันว่าพวกฮิตไตท์มีความสามารถในการรบมาก โดยเป็นชนเผ่าแรกที่นำเหล็กมาใช้ในการทำอาวุธ รู้จักใช้รถเทียมม้าทำให้กองทัพเข้มแข็งและเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว
- อัสสิเรียน (Assyrian)
เป็นชนเผ่านักรบ มีวินัย กล้าหาญ มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงนิเนเวห์ (Nineveh) ได้สร้างอารยธรรมการสลักภาพนูนต่ำ ด้านการรบและการล่าสัตว์ มีการสร้างวังขนาดใหญ่ และสร้างห้องสมุดแห่งแรกของโลก โดยพระเจ้าแอสซูรบานิปาลที่เมืองนิเนเวห์
- คาลเดีย (Chaldea)
เป็นชนเผ่าฮีบรู ในสมัยพระเจ้าเนบูคัดเดรดซาร์(Nebuchadrezzar) ได้สร้างพระราชวังขนาดใหญ่และสร้างสวนพฤกษชาติ บนพระราชวัง เรียกว่า “สวนลอยแห่งกรุงบาบิโลน” นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า นอกจากนั้นพวกคาลเดีย ยังมีความรู้เรื่องการชลประทาน, ดาราศาสตร์ และคำนวณการโคจรของดวงอาทิตย์ในรอบปีได้อย่างถูกต้อง
2.อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์ หรืออารยธรรมอียิปต์ คือ อารยธรรมที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่ 5,500 ปีก่อน เกิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มาก บริเวณนี้ยังมีทะเลทรายล้อมรอบซึ่งเป็นปราการธรรมชาติป้องกันศัตรูได้อย่างดี ทำให้อารยธรรมนี้มีความเจริญต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 2,000 ปี
ความเจริญที่สำคัญในอารยธรรมอียิปต์
- การก่อสร้างพีระมิด ซึ่งใช้หลักคณิตศาสตร์ในการคำนวณการก่อสร้างซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์, ฟิสิกส์ และสถาปัตยกรรมในปัจจุบัน
- การประดิษฐ์อักษรภาพไฮเออโรกลีฟอียิปต์ ใช้ในการจดบนทึกลงบนศิลาในสมัยแรก และต่อมาได้จารึกลงบนกระดาษที่ทำจากต้นปาปิรุส ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นที่มีทั่วไปบริเวณแม่น้ำไนล์ ซึ่งได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเป็นอักษรภาพที่มีพยางค์และพยัญชนะ ต่อมาได้แบ่งตัวอักษรออกเป็น 2 ประเภท คือ อักษรเฮียราติค (Hieratic) เพื่อใช้ในการติดต่อค้าขาย และ อักษรเดโมติค (Demotic) ใช้ติดต่อสื่อสารทั่วไป
- การจัดการชลประทาน สำหรับระบายน้ำ และสร้างเขื่อนเพื่อใช้ในการเกษตร
- ความเจริญด้านคณิตศาสตร์ มีการวางรากฐานวิชาเลขคณิต และเรขาคณิต ค้นพบค่า π (พาย) และรู้วิธีการคำนวณหาปริมาตรของพีระมิด
- ความเจริญด้านดาราศาสตร์ มีการคิดปฏิทินแบบสุริยคติ 1 ปีมี 12 เดือน 1 ปีมี 365 วัน และ 1 เดือน มี 30 วัน
- ความเจริญด้านการแพทย์ มีการทำมัมมี่เพื่อเก็บรักษาศพ, การใช้น้ำเกลือในการรักษาแผล เป็นต้น
3.อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ หรืออารยธรรมอินเดีย คือ อารยธรรมที่กำเนิดขึ้นบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียโบราณ ปัจจุบันอยู่ในประเทศปากีสถาน บริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำกว้างใหญ่ที่มีแม่น้ำสินธุและแม่น้ำสาขาเป็นจำนวนมากไหลผ่าน ทำให้ดินแดนนี้มีความอุดมสมบูรณ์
สภาพภูมิประเทศดังกล่าวทำให้ลุ่มแม่น้ำสินธุเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมอินเดียโบราณที่เจริญรุ่งเรืองเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช นักโบราณคดี เรียกชื่ออารยธรรมที่ขุดค้นพบตามชื่อเมืองที่เป็นที่ตั้งของซากเมืองโบราณคือ เมืองฮารัปปา นอกจากเมืองฮารัปปาแล้ว นักโบราณคดียังขุดพบซากเมืองโบราณอีกแห่งคือ เมืองโมเฮนโจดาโร การพบซากเมืองโบราณฮารัปปาและเมืองโมเฮนโจดาโร แสดงให้เห็นว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่มีอาคารบ้านเรือนก่อด้วยอิฐและดินเผา มีสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และมีป้อมปราการที่เด่นชัด
ชนเผ่าสำคัญที่สร้างสรรค์อารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ แบ่งได้เป็น 2 พวก คือ
- ดราวิเดียน คือชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่ตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มน้ำสินธุราว 4,000 ปีมาแล้ว มีรูปร่างเตี้ย ผิวคล้ำและจมูกแบน คล้ายกับคนทางตอนใต้ในอินเดียในปัจจุบัน
- อารยัน เป็นพวกที่อพยพเคลื่อนย้ายจากดินแดนเอเชียกลาง ลงมายังตอนใต้กระจายไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ต่าง ๆ ที่อุดมสมบูรณ์และมีภูมิอากาศที่อบอุ่นกว่า พวกอารยันส่วนหนึ่งได้เคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในลุ่มน้ำสินธุและขับไล่พวกดราวิเดียนให้ถอยร่นไปหรือจับตัวเป็นทาส พวกอารยันมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว จมูกโด่ง คล้ายกับชาวอินเดียที่อยู่ทางตอนเหนือ พวกอารยันเหล่านี้รับวัฒนธรรมชนพื้นเมือง แล้วนำมาผสมผสานเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
ความเจริญที่สำคัญในอารยธรรมอินเดีย
1.ด้านสถาปัตยกรรม
-
- ซากเมืองฮารับปาและโมเฮนโจดาโร ทำให้เห็นว่ามีการวางผังเมืองอย่างดี มีสาธารณูปโภคอำนวยความสะดวกหลายอย่าง เช่น ถนน บ่อน้ำ ประปา ซึ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสวยงาม
- ซากพระราชวังที่เมืองปาฏลีบุตรและตักศิลา สถูปและเสาแปดเหลี่ยม ที่สำคัญคือ สถูปเมืองสาญจี (สมัยราชวงศ์โมริยะ)
- สุสานทัชมาฮาล สร้างด้วยหินอ่อน เป็นการผสมระหว่างศิลปะอินเดียและเปอร์เชีย
2.ด้านประติมากรรม เช่น พระพุทธรูปแบบคันธาระ
3.ด้านนาฏศิลป์ เกี่ยวกับการฟ้อนรำ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเพื่อบูชาเทพเจ้าตามคัมภีร์พระเวท
4.อารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโห
อารยธรรมลุ่มแม่ฮวงโห หรืออารยธรรมจีน คือ อารยธรรมที่มีความเก่าแก่กว่า 4,000 ปี กำเนิดขึ้นบริเวณลุ่มแม่น้ำฮวงโห แม่น้ำที่มีความยาวมากเป็นอันดับสองของประเทศจีน มีความยาว 4,640 เมตร
ความเจริญที่สำคัญในอารยธรรมจีน
แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
- อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
- วัฒนธรรมหยางเชา มีการทำเครื่องปั้นดินเผา และตั้งชุมชนเพื่อทำเกษตรกรรม
- วัฒนธรรมหลงซาน มีการทำเครื่องใช้สำริด, ขวานหยก และเครื่องปั้นดินเผาคุณภาพดี
ทั้ง 2 วัฒนธรรมถือเป็นรากฐานสำคัญของอารยธรรมจีนในสมัยต่อมา
- อารยธรรมจีนสมัยประวัติศาสตร์
-
ราชวงศ์ชาง
ถือเป็นราชวงศ์แรกที่ปกครองจีน
-
- มีการชลประทาน
- มีการใช้เครื่องมือที่ทำจากสำริด เช่น กระถาง
- การประดิษฐ์อักษรแบบรูปภาพบนกระดูกสัตว์และบนกระดองเต่าเพื่อทำนาย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของตัวอักษรจีนในปัจจุบัน
- มีการทำปฏิทินบอกฤดูกาลต่าง ๆ
2.ราชวงศ์โจว (สมัยศักดินา/ฟิวดัล) ถือเป็นราชวงศ์ที่ปกครองจีนยาวนานที่สุด เกิดลัทธิที่สำคัญ คือ
-
- ขงจื้อ มีแนวความคิดคืออบรมประชาชนให้เชื่อในเรื่องประเพณีอันดีงาม จะทำให้เกิดความสงบสุข เน้นการปลูกฝังคุณธรรม ทัศนะทางความเชื่อ พิธีกรรม และการบูชา เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู และเกรงกลังอำนาจธรรมชาติ
- ลัทธิเต๋า มีคำสอนเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามวิถีธรรมชาติ ใช้ชีวิตสันโดษ
3.ราชวงศ์ฉิน (สมัยจักรวรรดิ) มีการนำการปกครองแบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางมาใช้ โดยแบ่งเขตการปกครองเป็นมณฑล
-
- มีการใช้เงินตราแบบเดียวกัน
- การใช้เครื่องชั่งตวงวัดมาตรฐานเดียวกัน
- เก็บภาษีที่ดิน
- มีการสร้างถนน
- มีการสำรวจสำมะโนประชากร
- มีประกาศใช้ภาษาเขียนเพื่อสร้างสังคมเป็นหนึ่งเดียว
- การก่อสร้าง เช่น สุสานจิ๋นซี, กำแพงเมืองจีน
- ราชวงศ์ฮั่น
-
- มีการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ (จอหงวน)
- มีการติดต่อค้าขายกับโลกตะวันตก ทั้งเส้นทางน้ำ และเส้นทางบก เส้นทางที่สำคัญคือ เส้นทางสายไหม
- มีการผลิตกระดาษขึ้น
- มีธนบัตร ใช้แลกเปลี่ยนสินค้าแทนเงินที่ทำจากโลหะ
- ราชวงศ์สุย เป็นยุคแตกแยกแบ่งเป็นสามก๊ก
-
- มีการขุดคลองเชื่อมแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซี เพื่อประโยชน์ในด้านการคมนาคม
- ราชวงศ์ถัง เป็นยุคทองของอารยธรรมจีน
-
- พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรือง พระถังซำจั๋งเดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎกในชมพูทวีป
- ยุคทองของกวีนิพนธ์จีน กวีคนสำคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋
- ราชวงศ์ซ่ง
-
- มีความก้าวหน้าด้านการเดินเรือสำเภา
- รู้จักการใช้เข็มทิศ และใช้ลูกคิด
- ประดิษฐ์แท่นพิมพ์หนังสือ
- รักษาโรคด้วยการฝังเข็ม
- ราชวงศ์หยวน เป็นราชวงศ์ชาวมองโกลที่เข้ามาปกครองจีน
-
- มีชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายมาก เช่น มาร์โคโปโล
- ราชวงศ์หมิง
-
- มีนวนิยายที่สำคัญ ได้แก่ สามก๊ก, ไซอิ๋ว
- ส่งเสริมการสำรวจเส้นทางเดินเรือทางทะเล
- สร้างพระราชวังหลวงปักกิ่ง (พระราชวังต้องห้าม)
- ราชวงศ์ชิง เป็นราชวงศ์ของชาวแมนจู เป็นยุคที่จีนเสื่อมถอยความเจริญทุกด้าน และเริ่มถูกรุกรานจากชาติตะวันตก เช่น สงครามฝิ่น ซึ่งจีนรบแพ้อังกฤษ ทำให้ต้องลงนามในสนธิสัญญานานกิง โดยจีนต้องยกฮ่องกงให้อังกฤษเช่า 99 ปี และต้องเปิดเมืองท่าเพื่อการค้าขายอีกด้วย
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ และช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจเรื่อง “ลุ่มแม่น้ำต้นกำเนิดอารยธรรมโลก” มากขึ้นนะ
ส่วนใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
“อารยธรรมโรมัน” อารยธรรมที่ทรงอิทธิพลถึงปัจจุบัน
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุป ‘อารยธรรมกรีก’ อารยธรรมโบราณที่มีเสน่ห์
สังคมและประวัติศาสตร์
เจาะลึก ‘อารยธรรมอียิปต์’! อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก