สวัสดีจ้า บทความนี้พี่จะมาสรุปเกี่ยวกับ “อารยธรรมสุเมเรียน” ซึ่งเป็นอารยธรรมที่มีความสำคัญมากในดินแดนเมโสโปเตเมีย อารยธรรมนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไร? ตามไปศึกษาพร้อมกันในบทความเลย
อารยธรรมสุเมเรียน คืออะไร?
อารยธรรมสุเมเรียน คือ อารยธรรมโบราณที่กำเนิดบริเวณเมโสโปเตเมียตอนใต้โดยชาวสุเมเรียน (Sumerians) เป็นกลุ่มแรกที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส บริเวณใกล้กับอ่าวเปอร์เซีย เมื่อประมาณ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล และได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองในพื้นที่แห่งนี้
พื้นที่นี้เรียกว่า “ซูเมอร์” เป็นบริเวณที่ชาวสุเมเรียนรวมตัวกันเกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่จนเกิดเป็น “เมือง” ซึ่งนักประวัติศาสตร์ได้ถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดของนครรัฐแรกของโลก นั่นคือ “อูรุก” (Uruk) ศูนย์กลางของอารยธรรม รวมไปถึงนครรัฐอื่น ๆ ที่ปกครองอิสระแยกกัน เช่น ลากาช (Lagash), อูร์ (Ur), นิปปูร์ (Nippur) ที่ส่งอิทธิพลต่ออารยธรรมในสมัยต่อมา
อารยธรรมของชาวสุเมเรียน
ด้านสังคม
แบ่งคนเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ชนชั้นสูง คือ พระซึ่งเป็นผู้นำด้านศาสนาและการปกครองในช่วงต้น
- ชนชั้นกลาง คือ พ่อค้า, ช่างฝีมือ และทหาร เป็นต้น
- ชนชั้นล่าง คือ ชาวนา, เกษตรกร
ด้านการประกอบอาชีพ
มีอาชีพที่สำคัญดังนี้
- การเกษตรและเลี้ยงสัตว์ ถือเป็นอาชีพหลัก พืชที่นิยมปลูกได้แก่ ข้าวสาลี, ผัก และผลไม้ ส่วนการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งานและเป็นอาหาร เช่น สุนัข, แกะ, ลา
- งานฝีมือ เช่น งานโลหะ งานเส้นใย เป็นต้น ในแต่ละนครรัฐจะมีความเชี่ยวชาญในงานฝีมือแต่ละด้านแตกต่างกันไป
- การค้าขาย นิยมทำการค้ากับพื้นที่ใกล้เคียง เช่น อียิปต์โบราณ, ฟินิเชียน และคนในเอเชียไมเนอร์
ด้านศาสนา
ชาวสุเมเรียนมีความเชื่อเรื่องพระเจ้าหลายพระองค์ เช่น
- An คือ เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า
- Ei หรือ Enki คือ เทพเจ้าแห่งปฐพี
- Enlil คือ เทพเจ้าแห่งอากาศ
- Abu หรือ Tammuz คือ เทพเจ้าแห่งพืชพันธ์ุ
- Ashur คือ เทพเจ้าแห่งความกล้าหาญ
- Ishtar คือ เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์
ชาวสุเมเรียนไม่มีความเชื่อเรื่องภพหน้าและความเป็นอมตะ แต่มีความเชื่อเรื่องวิญญาณร้าย จึงเกิดการสร้างศาสนสถานเพื่อจัดพิธีบวงสรวงเทพเจ้าที่เรียกว่า ซิกกูแรต (Ziggurat)
ด้านการปกครอง
ลักษณะการปกครองในช่วงแรกจะเป็นแบบเทวาธิปไตย ปกครองโดยพระที่เรียกว่า “ปาเตซี” (Patesi) โดยพระจะถือว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้าในการปกครอง
ในสมัยต่อมาเมื่อนักรบมีความแข็งแกร่งขึ้นจึงได้มาทำหน้าที่ปกครองแทนพระ โดยเรียกนักรบที่ปกครองว่า “ลูกัล” (Lugal) แปลว่าผู้ยิ่งใหญ่ ในสมัยนี้เริ่มมีการตั้งกฎและบทลงโทษเพื่อใช้ในการปกครองซึ่งถือเป็นรากฐานของกฎหมายในเมโสโปเตเมีย แต่ยังไม่ได้มีการบัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน
ด้านการเขียน
การเขียนของชาวสุเมเรียนเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,500 ปีก่อนคริสต์กาล ในช่วงที่นครรัฐอูรุกเป็นใหญ่ (3,750 – 3,000 ปีก่อนคริสตศักราช) โดยอักษรของชาวสุเมเรียนจะมีลักษณะเป็น “อักษรรูปลิ่ม” หรือ คูนิฟอร์ม (Cuneiform) ซึ่งคิดค้นโดยชาวสุเมเรียนโดยไม่ได้รับอิทธิพลมาจากอาณาจักรอื่นใด ซึ่งถูกจารึกลงบนแผ่นดินเหนียวด้วยไม้หรือเหล็กแหลม
ด้านวรรณกรรม
วรรณกรรมของชาวสุเมเรียนถือว่ามีน้อยเมื่อเทียบกับวรรณกรรมจากอียิปต์โบราณ เนื่องจากการเขียนลงบนแผ่นดินเหนียวค่อนข้างทำได้ยากและเขียนได้สั้น และแผ่นดินเหนียวยังแตกหักได้ง่าย ประกอบกับผู้รู้หนังสือจริง ๆ มีน้อยมากและส่วนใหญ่เป็นพระ ทำให้วรรณกรรมของชาวสุเมเรียนมักมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับศาสนาและความเชื่อ
ด้านสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของชาวสุเมเรียน คือ วิหารหรือหอคอยซิกกูแรต (Ziggurat) ซึ่งมีฐานเป็นสี่เหลี่ยมเช่นเดียวกับพีระมิดของอียิปต์โบราณ โดยซิกกูแรตจะมีความสูงไม่มากเพราะส่วนบนจะไม่ทำเป็นปลายแหลม แต่จะทำแบบราบและสร้างวิหารเทพเจ้าขึ้นแทน ซึ่งจากพื้นดินถึงวิหารเทพเจ้าจะมีการทำทางขึ้นเตรียมไว้ วัสดุที่ใช้ก่อสร้างจะใช้เป็นดินเหนียวตากแห้งหรืออิฐ
ซิกกูแรตเป็นสถาปัตยกรรมที่พบเห็นได้เฉพาะที่เมโสโปเตเมียเท่านั้น ในอดีตพระ (ปาเตซี)ใช้ซิกกูแรตเป็นศูนย์กลางในการปกครองและศาสนา โดยซิกกูแรตขนาดใหญ่จะอยู่ที่นครรัฐอูรุก (Uruk) มีฐานกว้าง 246ฟุต และสูง 100 ฟุต
ด้านศิลปกรรม
ศิลปกรรมของชาวสุเมเรียนส่วนใหญ่จะเป็นรูปปั้นเทพเจ้าในซิกกูแรต นอกจากนี้ยังมีการค้นพบรูปปั้นคนและสัตว์ รวมไปถึงรูปปั้นที่แสดงการต่อสู้ในลักษณะการปั้นนูนเด่นครึ่งตัว (Bas-Relief)
ด้านวิทยาศาสตร์
มีความรุ่งเรืองอย่างมาก เช่น
- การทำปฏิทินโดยยึดหลักจันทรคติ 1 ปี มี 360 วัน
- การนับชั่วโมงโดยสังเกตการเคลื่อนที่ของเงา อันเกิดจากแสงอาทิตย์
- มีการกำหนดสัญลักษณ์เพื่อนับผลผลิตทางการเกษตร รู้จักคำนวณหาพื้นที่เพื่อใช้แบ่งเขตการเพาะปลูกและก่อสร้าง
- มีการใช้มาตราชั่งและตวง
- สามารถบอกตำแหน่งที่ตั้งของดาวศุกร์ได้ จากการสังเกตท้องฟ้าเหนือซิกกูแรต
อารยธรรมสุเมเรียนเจริญรุ่งเรืองมายาวนานและกลายเป็นรากฐานสำคัญที่อารยธรรมอื่นนำไปพัฒนาต่อ จนกระทั่งประมาณ 2,300 ปีก่อนคริสตกาล เมืองต่าง ๆ ของชาวสุเมเรียนได้ถูกพิชิตโดยจักรวรรดิอัคคาเดียนของกษัตริย์ซาร์กอนแห่งอัคคาด (Sargon of Akkad) ทำให้อารยธรรมสุเมเรียนค่อย ๆ เสื่อมอำนาจลง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ และช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจเรื่อง “อารยธรรมสุเมเรียน” มากขึ้นนะ
ส่วนใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
“อารยธรรมโรมัน” อารยธรรมที่ทรงอิทธิพลถึงปัจจุบัน
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุป ‘อารยธรรมกรีก’ อารยธรรมโบราณที่มีเสน่ห์
สังคมและประวัติศาสตร์
เจาะลึก ‘อารยธรรมอียิปต์’! อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก