สมเด็จพระเจ้าตากสิน: ผู้กู้ชาติจากพม่า สู่การสร้างกรุงธนบุรี

สมเด็จพระเจ้าตากสิน ผู้กู้ชาติจากพม่าสู่การสร้างกรุงธนบุรี

     สวัสดีทุกคน บทความนี้ พี่ TUTOR VIP จะพาไปศึกษาพระราชประวัติของ “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “พระเจ้าตาก” น้อง ๆ ทราบไหมว่าท่านเป็นผู้ที่กอบกู้เอกราชหลังเสียกรุงครั้งที่สองและทำให้แผ่นดินของเรากลับมาเจริญรุ่งเรืองได้อีกครั้ง  เรื่องราวของพระองค์จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง? ตามไปศึกษาพร้อมกันในบทความเลย

1.ประวัติส่วนพระองค์ สมเด็จพระเจ้าตากสิน

ประวัติส่วนพระองค์

    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีพระนามเดิมว่า “สิน” พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277 ตรงกับ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระราชบิดาเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว ชื่อ “นายไหฮอง” หรือ “หยง แซ่แต้” (บางหลักฐานระบุว่า “ไหฮอง” อาจเป็นชื่อถิ่นกำเนิด มิใช่ชื่อบุคคล) พระราชมารดาชื่อ “นางนกเอี้ยง” เป็นหญิงไทย 

    เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงมีโอกาสได้ศึกษาวิชาต่าง ๆ ที่วัดโกษาวาสตั้งแต่อายุ 5 ปี เมื่ออายุครบ 13 ปี ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในราชสำนักสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงได้รับการศึกษาแบบขุนนาง ฝึกฝนทั้งด้านการบริหารงาน การทหาร ศิลปะการต่อสู้ และภาษาต่างประเทศ โดยมีหลักฐานว่าทรงเชี่ยวชาญภาษาไทย จีน ญวน และลาว นอกจากนี้ยังเคยบรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทในช่วงวัยหนุ่ม

    เมื่อเติบใหญ่ ทรงรับราชการในกรมมหาดไทยและกรมวังศาลหลวง มีหน้าที่รายงานข้อราชการ ทำให้มีความรู้ด้านกฎหมายและระเบียบราชการ ต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ไปชำระความที่หัวเมืองฝ่ายเหนือ ได้รับความดีความชอบ จึงได้เลื่อนเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตาก และต่อมาเป็นพระยาตาก ปกครองเมืองตาก

2.จุดเริ่มต้นของการกู้ชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสิน

จุดเริ่มต้นของการกู้ชาติ

    พ.ศ. 2310 ถือเป็นปีที่หดหู่และเศร้าสลดที่สุดปีหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย เพราะกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นราชธานีมายาวนานกว่า 400 ปี ถูกกองทัพพม่าภายใต้การนำของพระเจ้ามังระตีแตก หลังจากถูกล้อมอยู่ประมาณ 14 เดือน บ้านเมืองถูกเผาทำลายอย่างราบคาบ ผู้คนล้มตายและแตกกระจายไปทั่วแผ่นดิน เกิดสภาพบ้านเมืองไร้ขื่อแป ไม่มีศูนย์กลางอำนาจในการปกครอง 

    ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ พระยาตาก (เจ้าตาก) ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตาก ได้แสดงความกล้าหาญและวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยม ทรงตัดสินใจนำกำลังทหารและข้าราชการที่ยังจงรักภักดี ฝ่าวงล้อมพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยา ก่อนเมืองจะล่มสลาย โดยมีผู้ติดตามประมาณ 500 คน การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้เอกราช

 

จุดเด่นและพระปรีชาสามารถของพระยาตาก

  • ความสามารถในการนำทัพ : พระองค์ทรงเป็นผู้นำที่กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และมีความสามารถในการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทหารและประชาชน 
  • นักยุทธศาสตร์ที่เฉียบแหลม : ทรงวางแผนการรบอย่างรอบคอบ รู้จักเลือกทำเลที่ตั้งฐานที่มั่นและเส้นทางเคลื่อนพลอย่างเหมาะสม 
  • ความเข้าใจในการเมืองและการทหาร : ทรงเข้าใจสภาพบ้านเมืองและจิตใจของผู้คน สามารถใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งในการรวบรวมคนและสร้างพันธมิตร 
  • สามารถรวบรวมคนได้ดี : ทรงชักชวนผู้คนที่ไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจพม่าให้มาร่วมกอบกู้แผ่นดิน

 

การปฏิบัติการกู้ชาติ

    หลังจากนำกำลังฝ่าวงล้อมออกจากอยุธยา พระยาตากมิได้นิ่งเฉย แต่ทรงเริ่มต้น “ปฏิบัติการกู้ชาติ” อย่างจริงจัง โดยเลือกเดินทัพไปยังเมืองจันทบุรีและตราด ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ทั้งในด้านการเป็นเมืองท่า การติดต่อค้าขาย และมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่พม่ายังเข้าไปควบคุมไม่ได้

 

แผนยุทธศาสตร์ของพระยาตาก

  1. สร้างฐานที่มั่น – เลือกเมืองจันทบุรีเป็นจุดเริ่มต้นในการตั้งหลักแหล่ง รวบรวมเสบียงอาหาร อาวุธ และฝึกฝนกำลังพล
  2. รวบรวมกำลังคน – ชักชวนผู้คนที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจพม่า ทั้งชาวไทย จีน และกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ให้เข้าร่วมกองทัพ
  3. สร้างเครือข่าย – ติดต่อกับผู้นำท้องถิ่นและหัวเมืองใกล้เคียง เพื่อขอความร่วมมือและสนับสนุนทั้งกำลังคนและทรัพยากร 
  4. เตรียมความพร้อม – สะสมอาวุธ ฝึกฝนทหารให้มีความชำนาญ และวางแผนการรบอย่างเป็นระบบ

    หลังจากได้เมืองจันทบุรี พระเจ้าตากสินมหาราชทรงไม่หยุดยั้ง ทรงขยายอำนาจไปยังเมืองสำคัญอื่น ๆ ในภาคตะวันออก ได้แก่

  • เมืองตราด -ซึ่งเป็นเมืองท่าติดอ่าวไทย มีความสำคัญในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ 
  • เมืองระยอง – แหล่งอาหารทะเลและเป็นฐานทัพเรือ 
  • เมืองฉะเชิงเทรา – ซึ่งเป็นประตูสู่ภาคกลาง และมีเส้นทางคมนาคมสำคัญ
  • เมืองปราจีนบุรี – ที่ควบคุมเส้นทางคมนาคมและยุทธศาสตร์ในภูมิภาค

    ในแต่ละครั้งที่พระองค์ทรงยึดเมือง จะมีการใช้กำลังบ้างตามสถานการณ์ แต่พระองค์ทรงเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ประชาชนในพื้นที่เหล่านั้นหันมาสนับสนุนพระองค์และร่วมรบด้วยอย่างเต็มใจ

    พระยาตากทรงตระหนักดีว่าการจะกอบกู้แผ่นดินจากพม่าด้วยกำลังเพียงเล็กน้อยนั้นต้องใช้ความรอบคอบ อดทน และความมุ่งมั่นอย่างสูงสุด ทรงเน้นการเตรียมการที่รัดกุมและการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ร่วมอุดมการณ์ เป้าหมายสูงสุดของพระองค์คือการฟื้นฟูเอกราชและไม่ยอมตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอีกต่อไป 

3. การกอบกู้เอกราช สมเด็จพระเจ้าตากสิน

การกอบกู้เอกราช ชัยชนะแห่งความหวัง

    พ.ศ. 2310 เป็นปีแห่งการตัดสินใจครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ว่า ถึงเวลาที่จะต้องฟื้นฟูเอกราชกลับคืนมา หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาได้ถูกกองทัพพม่าตีแตกและยึดครอง

    พระองค์ทรงวางแผนการอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้การรบครั้งนี้ประสบความสำเร็จ โดยมีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้

 

การเตรียมการ

  • การรวบรวมกำลังพล

พระองค์ทรงรวบรวมทหารกล้าประมาณ 500 นายที่เมืองจันทบุรี ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งที่ปลอดภัยจากอำนาจพม่า จากนั้นขยายกำลังเป็นหลายพันนาย แม้จำนวนจะไม่มากนัก แต่ล้วนเป็นทหารที่มีความชำนาญ ฝึกฝนมาอย่างดี และมีความจงรักภักดีอย่างแรงกล้า

  • การเตรียมเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์

พระองค์ทรงจัดเตรียมอาหาร อุปกรณ์ยังชีพ และอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างเพียงพอ เพื่อให้กองทัพสามารถเคลื่อนที่และสู้รบได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดแคลน

  • การวางแผนเส้นทางเดินทัพ

พระองค์ทรงเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการเคลื่อนกำลังจากจันทบุรี ผ่านหัวเมืองภาคตะวันออก มุ่งหน้าสู่พื้นที่ชายทะเลของกรุงธนบุรี ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ภายใต้การควบคุมของพม่า

  • การสร้างพันธมิตร

พระองค์ทรงติดต่อกับหัวหน้าท้องถิ่นและขุนนางผู้ไม่พอใจการปกครองของพม่า เพื่อขอความร่วมมือ ทั้งในด้านกำลังคนและข้อมูลข่าวสาร ทำให้การเดินทัพเต็มไปด้วยแรงสนับสนุนจากประชาชน

  • การยึดเมืองธนบุรีคืนจากพม่า

ก่อนที่จะสร้างฐานอำนาจใหม่ พระเจ้าตากสินมหาราชทรงเลือกตีเมืองธนบุรี ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกองทัพพม่าคืนกลับมา ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2310 การยึดเมืองธนบุรีครั้งนี้นับเป็นชัยชนะสำคัญ เพราะทำให้พระองค์สามารถตั้งมั่น รวบรวมกำลังพลเพิ่มเติม และจัดระบบการปกครองใหม่ที่มีความมั่นคงขึ้น

 

กลยุทธ์การรบที่ชาญฉลาด

  • การโจมตีอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด

พระเจ้าตากสินมหาราชทรงใช้วิธีการรบที่เน้นความรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อลดการสูญเสีย และทำให้ฝ่ายศัตรูไม่สามารถตั้งรับได้ทัน

  • การใช้จิตวิทยาการรบ

พระองค์ทรงปลุกขวัญและกำลังใจให้ทหารอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็สร้างภาพลักษณ์ของกองทัพที่เข้มแข็ง เพื่อข่มขวัญฝ่ายพม่าและก่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ข้าศึก

  • การอาศัยการสนับสนุนของประชาชน

ประชาชนในพื้นที่ต่างให้ความช่วยเหลือแก่กองทัพของพระองค์อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านข้อมูล จุดอ่อนของศัตรู การนำทาง และการจัดหาเสบียง ซึ่งช่วยให้การเคลื่อนไหวของกองทัพมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

 

    หลังจากได้รับชัยชนะ พระองค์ทรงตั้งกรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีใหม่ในปี พ.ศ. 2311 แทนกรุงศรีอยุธยาที่เสียหายจนไม่อาจใช้เป็นราชธานีได้อีก การกระทำนี้ไม่เพียงเป็นการฟื้นฟูเอกราชเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำผู้ไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรม และพร้อมจะยืนหยัดเพื่ออนาคตของแผ่นดิน

4. จากอยุธยาสู่กรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสิน

การตัดสินใจย้ายราชธานี: จากอยุธยาสู่ธนบุรี

    หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยาได้ในปี พ.ศ. 2310 หลายคนคาดหวังว่าพระองค์จะทรงฟื้นฟูกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีใหม่อีกครั้ง แต่พระองค์ทรงมีพระราชดำริที่แตกต่างและรอบคอบกว่านั้น

 

เหตุผลในการไม่สร้างอยุธยาใหม่

  • ความเสียหายที่หนักหนา

กรุงศรีอยุธยาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการทำลายของกองทัพพม่า อาคารสำคัญ วัง และป้อมปราการถูกเผาและทำลายจนยากแก่การบูรณะซ่อมแซม การฟื้นฟูเมืองเดิมจึงต้องใช้เวลาและทรัพยากรมหาศาล

  • ปัญหาด้านความมั่นคงทางยุทธศาสตร์

แม้กรุงศรีอยุธยาจะเป็นราชธานีเก่าแก่ แต่ตำแหน่งที่ตั้งมีจุดอ่อนทางยุทธศาสตร์ เพราะเคยถูกพม่าตีแตกได้ถึงสองครั้ง ทำให้พระองค์ทรงเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นศูนย์กลางอำนาจอีก

  • การเปลี่ยนแปลงทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์

ในช่วงเวลานั้น การค้าทางทะเลเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น พระองค์ทรงเห็นว่าราชธานีควรตั้งอยู่ใกล้ทะเล เพื่อควบคุมเส้นทางการค้าและการติดต่อกับต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น

 

การเลือกกรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่

พระองค์ทรงเลือกตั้งราชธานีใหม่ที่เมืองธนบุรี (ซึ่งปัจจุบันคือฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร) ด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ ได้แก่


  • ที่ตั้งที่ยอดเยี่ยม

ธนบุรีตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ปากแม่น้ำและอ่าวไทย ทำให้สามารถควบคุมเส้นทางการค้าทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์

มีแม่น้ำล้อมรอบเป็นเสมือนกำแพงธรรมชาติ ทำให้ป้องกันข้าศึกได้ง่าย และสามารถสร้างป้อมปราการและกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งได้

  • ความสะดวกในการคมนาคม

เป็นศูนย์กลางของการเดินทางทั้งทางบกและทางน้ำ เชื่อมต่อกับหัวเมืองต่าง ๆ ได้สะดวก

  • ศักยภาพทางเศรษฐกิจ

เป็นจุดที่พ่อค้าต่างชาติมาค้าขาย มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าและเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้า

 

พิธีปราบดาภิเษก (4 ตุลาคม พ.ศ. 2313)

    วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2313 เป็นวันประวัติศาสตร์อีกครั้ง เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงประกาศสถาปนา “กรุงธนบุรี” เป็นราชธานีใหม่ และทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ โดยได้รับพระนามว่า “สมเด็จพระบรมราชาที่ 4” หรือที่ประชาชนเรียกขานกันว่า “พระเจ้าตากสิน”

 

    การสถาปนากรุงธนบุรีไม่ใช่เพียงการย้ายเมืองหลวงเท่านั้น แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูเอกราชและความเข้มแข็งของชาติ หลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ 

    ด้วยพระปรีชาสามารถและวิสัยทัศน์นี้ กรุงธนบุรีจึงกลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญในการฟื้นฟูบ้านเมืองและเศรษฐกิจหลังสงคราม และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในประวัติศาสตร์ไทย

5.1 พระราชกรณียกิจสำคัญ สมเด็จพระเจ้าตากสิน

พระราชกรณียกิจสำคัญ

   หลังจากสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้พัฒนากรุงธนบุรีในด้านต่าง ๆ ดังนี้

การพัฒนาด้านสถาปัตยกรรม

  • พระราชวังธนบุรี 

พระองค์ทรงสร้างพระราชวังธนบุรีขึ้นอย่างงดงามแม้จะไม่ได้โอ่อ่ามากเมื่อเทียบกับพระราชวังในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพระราชวังนี้เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินและแสดงถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรธนบุรีต่อสายตานานาประเทศ นอกจากนี้ พระราชวังยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมั่นคงและความเข้มแข็งของธนบุรีในยุคฟื้นฟูหลังสงคราม ช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและผู้คนทั่วไปว่าแผ่นดินได้กลับมาเข้มแข็งและพร้อมที่จะก้าวสู่อนาคตใหม่อีกครั้ง

  • วัดวาอารามสำคัญ

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงให้ความสำคัญกับการสร้างและบูรณะวัดวาอารามหลายแห่ง เพื่อเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรมที่มั่นคง ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ วัดอรุณราชวราราม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดแจ้ง” ซึ่งพระองค์ทรงบูรณะและเปลี่ยนชื่อใหม่ วัดนี้เป็นสัญลักษณ์ของ “รุ่งอรุณ” หรือการเริ่มต้นใหม่ในยุคกรุงธนบุรี วัดอรุณจึงไม่เพียงเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ยังเป็นเครื่องหมายแห่งความหวังและความเจริญรุ่งเรืองของแผ่นดินในยุคฟื้นฟู 

5.2 พระราชกรณียกิจสำคัญ สมเด็จพระเจ้าตากสิน

การฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม

    หลังจากสงครามกับพม่าในปี พ.ศ. 2310 ที่ทำให้บ้านเมืองและศิลปวัฒนธรรมเสียหายอย่างหนัก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตระหนักถึงความสำคัญของการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมเพื่อเยียวยาจิตใจประชาชนและรักษาอัตลักษณ์ของชาติ จึงทรงดำเนินพระราชกรณียกิจหลายประการ ดังนี้

  • การฟื้นฟูการแสดงโขนและละครดั้งเดิม 

     พระองค์ทรงเชิญช่างฝีมือและนักแสดงที่รอดชีวิตจากสงครามมาร่วมฟื้นฟูศิลปะการแสดงโขนและละครแบบดั้งเดิม โดยทรงส่งเสริมให้มีการฝึกสอนและสร้างสรรค์ผลงานใหม่ เพื่อเป็นการบำรุงขวัญและสร้างความครื้นเครงแก่ประชาชน รวมถึงเป็นการรักษาวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไป 

  • การรวบรวมหนังสือและพระราชนิพนธ์ 

     สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงให้ความสำคัญกับการรวบรวมและอนุรักษ์วรรณกรรมโบราณที่รอดพ้นจากการถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นตำราโบราณ บทกวี หรือพระราชนิพนธ์ต่าง ๆ โดยทรงสั่งให้ค้นหาต้นฉบับตามบ้านเรือน วัด และหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อปะติดปะต่อและคัดลอกเก็บรักษาไว้ เป็นการรักษาความรู้และภูมิปัญญาของชาติให้ไม่สูญหาย 

  • การส่งเสริมศิลปะการช่าง 

     พระองค์ทรงอุปถัมภ์ช่างฝีมือในสาขาต่าง ๆ เช่น ช่างทอง ช่างแกะสลัก และช่างจิตรกรรม เพื่อฟื้นฟูงานศิลปะและหัตถกรรมไทยที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม นอกจากนี้ยังทรงสนับสนุนการสร้างสรรค์งานศิลปะใหม่ ๆ เพื่อแสดงถึงความรุ่งเรืองของราชอาณาจักร 

  • การฟื้นฟูและส่งเสริมดนตรีไทย 

     สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงรวบรวมและฟื้นฟูเครื่องดนตรีไทย รวมถึงส่งเสริมการแสดงดนตรีพื้นบ้านและดนตรีในราชสำนัก เช่น มโหรี ปี่พาทย์ และเครื่องดนตรีพื้นเมืองอื่น ๆ เพื่อรักษาและเผยแพร่วัฒนธรรมดนตรีไทยให้คงอยู่และเจริญรุ่งเรืองต่อไป

  • การส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศาสนา 

     พระองค์ทรงโปรดให้มีการจัดงานสมโภชและพิธีกรรมทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อบำรุงขวัญประชาชนและสร้างความสมัครสมานสามัคคีในสังคม นอกจากนี้ยังทรงฟื้นฟูพระพุทธศาสนา โดยแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชและจัดระเบียบคณะสงฆ์ให้เข้มแข็งและบริสุทธิ์ 

5.3 พระราชกรณียกิจสำคัญ สมเด็จพระเจ้าตากสิน

การขยายอาณาเขตและการทำสงคราม

    แม้จะกอบกู้เอกราชได้แล้ว แต่พระองค์ยังคงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากกองทัพพม่าที่ยังคงยึดครองเมืองสำคัญหลายแห่ง จึงทรงดำเนินการทำสงครามอย่างต่อเนื่องเพื่อขับไล่พม่าและขยายอาณาเขตของราชอาณาจักรให้มั่นคงและกว้างขวางยิ่งขึ้นตลอดรัชสมัยของพระองค์

การทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าและยึดเมืองสำคัญ

  • ยึดเมืองพิษณุโลก – เมืองพิษณุโลกถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญในภาคเหนือที่มีความสำคัญทั้งด้านการทหารและการปกครอง พระเจ้าตากสินมหาราชทรงนำกองทัพไปยึดเมืองนี้เพื่อป้องกันการรุกรานจากพม่าและสร้างฐานที่มั่นในภาคเหนือ 
  • ยึดเมืองสุโขทัย สุโขทัยเป็นเมืองประวัติศาสตร์และมีความสำคัญทางวัฒนธรรม พระองค์ทรงยึดเมืองนี้เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและเชื่อมโยงอาณาเขตให้กว้างขวางขึ้น 
  • ยึดเมืองกำแพงเพชร – เมืองกำแพงเพชรมีความสำคัญในการควบคุมเส้นทางสู่ภาคเหนือและเป็นฐานที่มั่นทางยุทธศาสตร์ พระเจ้าตากสินทรงยึดเมืองนี้เพื่อป้องกันการเคลื่อนทัพของศัตรูและรักษาเส้นทางคมนาคม 
  • การทำสงครามที่เชียงใหม่ – แม้การรบที่เชียงใหม่ในช่วงแรกจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างเต็มที่ แต่พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยวในการขยายอำนาจไปยังภาคเหนือ เพื่อฟื้นฟูอาณาเขตและรักษาความมั่นคงของประเทศ

การขยายอิทธิพลสู่ภูมิภาคโดยรอบ

    พระเจ้าตากสินมหาราชมิได้จำกัดความสำเร็จไว้เพียงแค่การปกป้องอาณาเขตเดิมเท่านั้น แต่ยังทรงขยายอิทธิพลของราชอาณาจักรไทยไปยังภูมิภาคใกล้เคียง ได้แก่

  • กัมพูชา (เขมร) – พระองค์ทรงส่งกองทัพไปช่วยเหลือเจ้าผู้ครองกัมพูชาที่เป็นมิตรกับไทย เพื่อรักษาอิทธิพลและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโดจีน รวมทั้งป้องกันการแทรกแซงจากพม่าและขยายอำนาจของอาณาจักรในดินแดนเขมร
  • ลาว – พระเจ้าตากสินทรงควบคุมอาณาเขตในลุ่มแม่น้ำโขง ทำให้ธนบุรีมีอิทธิพลครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของประเทศในปัจจุบัน 
  • ชายแดนใต้และคาบสมุทรมลายู – พระองค์ทรงขยายอิทธิพลไปถึงคาบสมุทรมลายู เพื่อควบคุมเส้นทางการค้าทางทะเลที่สำคัญ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการทหารในพื้นที่ชายแดนใต้
  • ยุทธการและการรบสำคัญ
  • ยุทธการที่ค่ายบางกุ้ง (พ.ศ. 2311) – เมื่อพม่ายกทัพเข้ามาโจมตีชุมชนชาวจีนที่บางกุ้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงนำทัพไปขับไล่พม่าและได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด นับเป็นชัยชนะครั้งแรกของพระองค์หลังขึ้นครองราชย์ 
  • ศึกบางแก้ว (พ.ศ. 2317) – พระองค์ทรงนำทัพออกศึกด้วยพระองค์เอง แม้จะมีเสียงคัดค้านจากแม่ทัพนายกอง โดยใช้กลยุทธ์ของพระองค์ที่ป้องกันและโจมตีพม่าอย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถเผด็จศึกได้ในเวลา 47 วัน พร้อมจับเชลยแม่ทัพใหญ่พม่าและนายทัพรองหลายคน 
5.4 พระราชกรณียกิจสำคัญ สมเด็จพระเจ้าตากสิน

การพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า

    หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. 2310 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง ประชาชนต้องประสบกับความอดอยาก ขาดแคลนอาหาร และความวุ่นวายทางสังคม สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงทรงให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการค้าควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

การส่งเสริมการค้าขาย

การค้าทางทะเล – เปิดท่าเรือธนบุรีให้เป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ

  • เชิญพ่อค้าจีน อาหรับ ฮอลันดา โปรตุเกส มาค้าขาย 
  • ลดภาษีและอำนวยความสะดวกให้นักค้าต่างชาติ 
  • สร้างระบบตลาดที่เป็นระเบียบ

การเกษตร – ฟื้นฟูการเกษตรที่เสียหายจากสงคราม

  • แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์และเครื่องมือเกษตรให้ราษฎร
  • ขุดคลองและสร้างระบบชลประทาน
  • ส่งเสริมการปลูกข้าวและพืชเศรษฐกิจ

อุตสาหกรรม – ส่งเสริมงานหัตถกรรมและอุตสาหกรรมเบื้องต้น

  • การทำเครื่องปั้นดินเผา เครื่องถ้วยชาม
  • การทอผ้าและงานศิลปกรรม
  • การกลั่นเหล้าและการแปรรูปอาหาร
5.5 พระราชกรณียกิจสำคัญ สมเด็จพระเจ้าตากสิน

ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นนักการทูตที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์กว้างไกล พระองค์ทรงตระหนักดีว่าอาณาจักรธนบุรีไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยวในเวทีระหว่างประเทศ จึงได้สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับนานาประเทศสำคัญหลายประเทศ

  • ความสัมพันธ์กับจีน

     พระองค์ทรงส่งคณะทูตไปราชสำนักจีนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขอรับการยอมรับในฐานะกษัตริย์จากจักรพรรดิจีน ซึ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมและความมั่นคงทางการเมืองให้กับราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังส่งเสริมการค้าขายกับพ่อค้าชาวจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพระองค์เองมีเชื้อสายจีน จึงสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย

  • ความสัมพันธ์กับเวียดนาม

     พระเจ้าตากสินทรงสร้างพันธมิตรกับเวียดนามในช่วงแรกเพื่อร่วมกันต่อต้านพม่าและรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคอินโดจีน แต่ในช่วงปลายรัชกาล ความสัมพันธ์กับเวียดนามตึงเครียดขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งในกัมพูชาและการแทรกแซงของญวน

  • ความสัมพันธ์กับอังกฤษและฮอลันดา

     ในสมัยกรุงธนบุรี มีการค้ากับชาติตะวันตก เช่น อังกฤษและฮอลันดา อยู่บ้าง แต่ยังอยู่ในระดับจำกัดและไม่มีข้อตกลงทางการเมืองที่ชัดเจนเหมือนในยุครัตนโกสินทร์

6.ปัญหาในปลายรัชกาล สมเด็จพระเจ้าตากสิน

ปัญหาและความท้าทายในปลายรัชกาล

    แม้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจะประสบความสำเร็จในการกอบกู้เอกราชและสร้างความมั่นคงให้กับชาติในช่วงต้นรัชกาล แต่ในช่วงปลายรัชกาล พระองค์ต้องเผชิญกับปัญหาและความท้าทายรอบด้าน ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพของกรุงธนบุรีและพระราชอำนาจโดยตรง

  • ความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการทำสงครามต่อเนื่อง 

     ตลอดรัชกาล พระเจ้าตากสินต้องนำทัพออกศึกต่อเนื่องเพื่อป้องกันและขยายอาณาเขตของอาณาจักร การทำสงครามเป็นเวลานานกว่า 15 ปี ทำให้พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ จนมีหลักฐานว่าพระองค์ทรงประชวรและพระราชอัธยาศัยเปลี่ยนไปในช่วงปลายรัชกาล

  • ปัญหาการเมืองภายใน 

     เกิดความไม่พอใจในหมู่ขุนนางและข้าราชการบางกลุ่ม โดยเฉพาะเรื่องนโยบายเก็บภาษีที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงมีการปลุกปั่นและกล่าวหาว่าพระเจ้าตากสินทรงเสียพระจริตเพื่อบ่อนทำลายความนับถือของพระองค์ นำไปสู่ความวุ่นวายและจลาจลในกรุงธนบุรีในปลายปี พ.ศ. 2324 

  • ปัญหาเศรษฐกิจ 

     การทำสงครามและภาระค่าใช้จ่ายทำให้คลังหลวงร่อยหรอ แม้ช่วงต้นรัชกาลจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ แต่ช่วงปลายรัชกาลเศรษฐกิจตกต่ำและประชาชนได้รับความเดือดร้อน

  • ความเชื่อทางศาสนา 

     ในช่วงปลายรัชกาล สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงหันมาศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง มีหลักฐานว่าทรงปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดและบางครั้งอาจละเลยการบริหารราชการแผ่นดิน ความเปลี่ยนแปลงนี้กลายเป็นช่องว่างให้กลุ่มอำนาจภายในฉวยโอกาสก่อกบฏและแย่งชิงอำนาจ 

  • สถานการณ์จลาจลและการสิ้นสุดรัชกาล 

     ความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงพระราชอัธยาศัยเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การก่อกบฏโดยพระยาสรรค์และกลุ่มขุนนาง พระยาสรรค์ยึดอำนาจและบังคับให้พระเจ้าตากสินผนวช ก่อนที่พระองค์จะถูกประหารในปี พ.ศ. 2325

    แม้บทสุดท้ายของพระองค์จะจบลงอย่างเศร้าสลด แต่สิ่งที่ทรงสร้างไว้ตลอดรัชสมัยคือรากฐานอันมั่นคงของความเป็นชาติไทยยุคใหม่ พระองค์จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้กอบกู้เอกราช และเป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่สำคัญยิ่งของประวัติศาสตร์ไทย

7.มรดกอันยิ่งใหญ่ สมเด็จพระเจ้าตากสิน

มรดกอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน

    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แม้จะทรงครองราชย์เพียงระยะเวลา 15 ปี (พ.ศ. 2310–2325) แต่พระองค์ทรงสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าต่อประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างหาที่เปรียบมิได้

  • ผู้กู้ชาติจากการล่มสลายในยุคที่แผ่นดินแตกแยกและตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า พระเจ้าตากสินมหาราชทรงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าด้วยความมุ่งมั่น ความกล้าหาญ และความเสียสละ สามารถฟันฝ่าอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและกอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้ 
  • ผู้วางรากฐานอาณาจักรรัตนโกสินทร์ กรุงธนบุรีที่พระองค์ทรงสถาปนาขึ้นเป็นราชธานีใหม่ แม้จะมีอายุสั้น แต่ได้กลายเป็นต้นแบบและรากฐานสำคัญสำหรับกรุงรัตนโกสินทร์ในเวลาต่อมา ระบบการปกครอง การบริหารราชการ และการจัดระเบียบสังคมที่พระองค์ทรงวางไว้ เป็นพื้นฐานที่ราชวงศ์จักรีนำไปพัฒนาต่อยอดจนกรุงรัตนโกสินทร์เจริญรุ่งเรือง 
  • นักรบและนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กลยุทธ์ทางทหารที่พระองค์ทรงใช้ในการกอบกู้เอกราชและขยายอาณาเขต ยังคงได้รับการศึกษาและยกย่องในตำราเรียนทางทหารจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นนักการทูตที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลต่อเนื่องยาวนาน ช่วยรักษาเอกราชและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับราชอาณาจักร 
  • ผู้อนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมไทย หลังสงครามที่ทำลายล้างบ้านเมืองและวัฒนธรรมไทย พระเจ้าตากสินมหาราชทรงฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมที่เสียหายอย่างจริงจัง ทั้งการฟื้นฟูการแสดงโขน ละครไทย การรวบรวมตำราโบราณ และส่งเสริมงานหัตถกรรมต่าง ๆ เพื่อสืบทอดประเพณีและวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป 

 

    เป็นอย่างไรกันบ้าง? หวังว่าหลังอ่านบทความนี้แล้ว น้อง ๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติและพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระเจ้าตากสิน กันมากขึ้นนะ 

    สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ


   บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ

 

ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand

 

สนใจเรียนพิเศษประวัติศาสตร์ตัวต่อตัว ติดต่อได้ที่👇

Line logo LINE ID: @tutorvip หรือคลิ๊ก https://lin.ee/UQ3gQwP
 
ดูอัตราค่าเรียนพิเศษได้ที่ : https://tutor-vip.com/course/learning-price/
 

บทความล่าสุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save