จุดเริ่มต้นของ “อาเซียน (ASEAN)” : บทบาทสำคัญของภูมิภาค SEA ในเวทีโลกhistory-of-asean

จุดเริ่มต้นของ อาเซียน(ASEAN) บทบาทสำคัญของภูมิภาค SEA ในเวทีโลก

     สวัสดีน้อง ๆ ทุกคน บทความนี้ พี่ TUTOR VIP จะมาเล่าเรื่องราวสุดน่าสนใจเกี่ยวกับ “อาเซียน” หรือ ASEAN ที่เราได้ยินชื่อกันบ่อยๆ แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง ทำไมถึงสำคัญกับพวกเรา บทความนี้มีคำตอบมาให้แล้วตามไปศึกษาพร้อมกันเลย!

1.จุดเริ่มต้นของอาเซียน (ASEAN)

จุดเริ่มต้นของอาเซียน (ASEAN)

    จุดกำเนิดของอาเซียนเกิดขึ้นในยุค 1960 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกอยู่ภายใต้บรรยากาศของสงครามเย็น ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคงของภูมิภาค วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) ถือเป็นวันสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเป็นวันที่ผู้นำจาก 5 ประเทศในภูมิภาคได้มารวมตัวกัน ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างสันติภาพ ความมั่นคง และส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

ผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้ ได้แก่

  • ประเทศไทย โดย นายธนัต คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  • ประเทศอินโดนีเซีย โดย นายอาดัม มาลิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  • ประเทศมาเลเซีย โดย นายตุน อับดุล ราซัก รองนายกรัฐมนตรี
  • ประเทศฟิลิปปินส์ โดย นายนาร์ซิโซ รามอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  • ประเทศสิงคโปร์ โดย นายเอส ราชารัตนัม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

     ผลจากการประชุมครั้งนี้คือการประกาศใช้ “ปฏิญญากรุงเทพฯ” (Bangkok Declaration) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นทางการของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน

    สาเหตุสำคัญที่ทำให้อาเซียนต้องเกิดขึ้นในขณะนั้น คือ ภูมิภาคกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สงบจากสงครามเวียดนามซึ่งยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแข่งขันในเชิงอุดมการณ์ระหว่างขั้วอำนาจโลกสองฝ่าย ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต อีกทั้งยังมีความขัดแย้งและความไม่ไว้วางใจระหว่างประเทศในภูมิภาค รวมถึงปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยังล่าช้า

   ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้นำที่ก่อตั้งอาเซียน พวกเขามีความปรารถนาร่วมกันที่จะสร้างภูมิภาคที่มีสันติภาพ มั่นคง และเจริญรุ่งเรือง ผ่านความร่วมมือในหลากหลายด้าน อาทิ การค้า การลงทุน วัฒนธรรม และการเมือง ซึ่งเป็นการวางรากฐานเพื่อความมั่นคงและความรุ่งเรืองร่วมกันของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

2.การเติบโตจาก 5 สู่ 10 ประเทศ

การเติบโตจาก 5 สู่ 10 ประเทศ

    หลังจากการก่อตั้งอาเซียนในปี พ.ศ. 2510 อาเซียนไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ 5 ประเทศสมาชิกเดิมเท่านั้น การขยายตัวของอาเซียนในช่วง 30 ปีต่อมาถือได้ว่าเป็น “ปรากฏการณ์” ที่สำคัญอย่างยิ่ง

    คลื่นการขยายตัวครั้งแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2527 เมื่อบรูไนดารุสซาลาม ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กแต่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกประเทศที่ 6 ของอาเซียน หลังจากได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร การเข้าร่วมของบรูไนนี้ช่วยเพิ่มความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจแก่ภูมิภาค และส่งสัญญาณถึงความมั่นคงและการเติบโตร่วมกันขององค์กรนี้

    หลังจากสิ้นสุดสงครามเย็นในต้นทศวรรษ 1990 อาเซียนก็ได้เผชิญกับโอกาสใหม่ในการขยายความร่วมมืออย่างมีนัยสำคัญ ประเทศในกลุ่มอินโดจีนที่เคยถูกแยกตัวออกจากโลกตะวันตกเริ่มเปิดประเทศและแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศใหม่ ๆ โดยสมาชิกใหม่เหล่านี้ได้แก่

 

  • เวียดนาม (พ.ศ. 2538) ซึ่งหลังจากสงครามเวียดนามสิ้นสุดลง เวียดนามได้ดำเนินนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจในชื่อ “โด่ยเหมย” (Doi Moi) และตัดสินใจเข้าร่วมอาเซียนในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2538

 

  • ลาว และเมียนมาร์ (พ.ศ. 2540) ทั้งสองประเทศเข้าร่วมในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์ อาเซียนยังยืนหยัดในหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และเห็นว่าการเข้าร่วมของเมียนมาร์จะส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงในทางบวกต่อไป

 

  • กัมพูชา (พ.ศ. 2542) ซึ่งเป็นสมาชิกประเทศล่าสุดของอาเซียน กัมพูชาเข้าร่วมในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2542 หลังจากผ่านความวุ่นวายทางการเมืองและสงครามกลางเมืองมายาวนาน

 

    การขยายตัวของอาเซียนในช่วงเวลาดังกล่าวสะท้อนถึงความพยายามร่วมกันในการเสริมสร้างความมั่นคง สันติภาพ และการพัฒนาร่วมกันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

3.วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งอาเซียน

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งอาเซียน

    ปฏิญญากรุงเทพฯ ได้ระบุวัตถุประสงค์สำคัญ 7 ประการของการจัดตั้งอาเซียน ได้แก่

  1. ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร
  2. ส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงส่วนภูมิภาค
  3. เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจพัฒนาการทางวัฒนธรรมในภูมิภาค
  4. ส่งเสริมให้ประชาชนในอาเซียนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี
  5. ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในรูปของการฝึกอบรมและการวิจัย และส่งเสริมการศึกษาด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  6. เพิ่มประสิทธิภาพของการเกษตรและอุตสาหกรรม การขยายการค้า ตลอดจนการปรับปรุงการขนส่งและการคมนาคม
  7. เสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนกับประเทศภายนอก องค์การ ความร่วมมือแห่งภูมิภาคอื่นๆ  และองค์การระหว่างประเทศ
4.ประชาคมอาเซียนคืออะไร

ประชาคมอาเซียน คืออะไร?

    บริบททางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อาเซียนต้องเผชิญกับความท้าทายรูปแบบใหม่ ๆ อาทิ โรคระบาด การก่อการร้าย ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และภัยพิบัติทางธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีความจำเป็นที่ประเทศสมาชิกจะต้องรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและอำนาจต่อรองทั้งในภูมิภาคใกล้เคียงและในเวทีระหว่างประเทศ

    ด้วยเหตุนี้ ผู้นำอาเซียนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าองค์กรควรเสริมสร้างความร่วมมือให้เข้มแข็ง มั่นคง และเหนียวแน่นยิ่งขึ้น จึงได้ประกาศ “ปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน ฉบับที่ 2” (Declaration of ASEAN Concord II) ซึ่งกำหนดกรอบการสร้างประชาคมอาเซียนโดยมีเสาหลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่

 

  1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political and Security Community – APSC) มีเป้าหมายให้ประเทศสมาชิกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ใช้สันติวิธีในการแก้ไขข้อขัดแย้ง สร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทั้งทางด้านการเมืองและความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับความมั่นใจและปลอดภัย
  2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) มุ่งเน้นการรวมตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมความสะดวกในการค้าขายและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก ให้สามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) มีวัตถุประสงค์ให้ประชากรในภูมิภาคมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงทางสังคม และพัฒนาด้านต่าง ๆ อย่างองค์รวม โดยมีแผนงานความร่วมมือ 6 ด้านหลัก ได้แก่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม การส่งเสริมสิทธิและความยุติธรรมทางสังคม ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน และการลดช่องว่างด้านการพัฒนา

 

    ต่อมา ผู้นำอาเซียนได้ตกลงให้เร่งรัดการจัดตั้งประชาคมอาเซียนให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งถือเป็นการก้าวสำคัญที่จะรวมประเทศสมาชิกให้เป็นชุมชนเดียวกันอย่างสมบูรณ์

    ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) หมายถึง การรวมกันของประเทศสมาชิกในภูมิภาค เพื่อสร้างชุมชนที่มีความเข้มแข็ง สามารถสร้างโอกาสและรับมือกับความท้าทายในหลายด้าน ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และภัยคุกคามรูปแบบใหม่ สมาชิกในชุมชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งส่งผลดีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคโดยรวม

5.บทบาทและผลกระทบของอาเซียนในภูมิภาค

บทบาทและผลกระทบของอาเซียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    อาเซียนเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือในหลายมิติ อาทิ ด้านการค้า การลงทุน การศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และความปลอดภัยร่วมกัน ซึ่งส่งผลโดยตรงให้ภูมิภาคมีเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อาเซียนได้ริเริ่มจัดตั้งกรอบความร่วมมือในรูปแบบเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area: AFTA) เพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้าภายในภูมิภาค เช่น การลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากรระหว่างประเทศสมาชิก และการลดข้อจำกัดอื่น ๆ ที่มิใช่ภาษี (Non-tariff Barriers) เช่น โควตาการนำเข้า ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความคล่องตัวในการค้าขายระหว่างกัน ส่งผลให้การค้าภายในอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้ภูมิภาคนี้มีขีดความสามารถทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ เขตการค้าเสรีอาเซียนยังส่งเสริมการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคที่สนับสนุนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกด้วย เช่น การพัฒนาเส้นทางคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายและการลงทุน ซึ่งช่วยสร้างฐานการผลิตที่แข็งแกร่งและสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงอย่างครบวงจรในภูมิภาค

6.บทบาทและผลกระทบของอาเซียนในภูมิภาค 2

    ด้วยบทบาทนี้ อาเซียนทำหน้าที่เป็นเวทีกลางที่ประเทศสมาชิกใช้หารือเพื่อประสานนโยบาย และแก้ไขข้อขัดแย้งภายในภูมิภาคอย่างสันติ โดยยึดหลักเคารพอธิปไตยและไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน ลดโอกาสการเกิดความขัดแย้งรุนแรง และสร้างความเชื่อมั่นระหว่างประเทศสมาชิกอย่างยั่งยืน

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เช่น ในประเทศไทยหลังการเข้าร่วม AFTA ปริมาณการค้าภายในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากที่เคยเป็นผู้ขาดดุลการค้ากับประเทศในอาเซียน ลดเลือนมาเป็นปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนถึงประสิทธิผลของความร่วมมือทางเศรษฐกิจนี้

    โดยรวมแล้ว การรวมตัวทางเศรษฐกิจและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ของอาเซียน ได้ช่วยสร้างภูมิภาคที่มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นพื้นฐานสำคัญของบรรยากาศทางการเมืองและเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบันและอนาคต

7.บทบาทของอาเซียนในเวทีโลก

บทบาทของอาเซียนในเวทีโลก

    อาเซียนได้พัฒนาจนกลายเป็นตัวแทนเสียงสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวทีระหว่างประเทศ ด้วยบทบาทที่เชื่อมความสัมพันธ์กับมหาอำนาจโลกและองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง ทั้งนี้ อาเซียนได้มีการจัดตั้งกรอบความร่วมมือทางภูมิภาคต่าง ๆ เช่น อาเซียน +3 ที่ประกอบด้วยประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมถึงการขยายความร่วมมือเป็นอาเซียน +6 ซึ่งเพิ่มสมาชิกเข้ามาอีก 3 ประเทศ คือ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างครอบคลุม

    บทบาทของอาเซียนในเวทีโลกนี้ช่วยเสริมสร้างเสียงร่วมสำหรับภูมิภาคในการมีส่วนร่วมทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเด็นระดับโลกที่มีความสำคัญ เช่น การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงทางทะเล การส่งเสริมสันติภาพ รวมทั้งการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านความร่วมมือที่ตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ในบริบทของโลกาภิวัตน์

    นอกจากนี้ อาเซียนยังมีบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือด้านนโยบายระหว่างประเทศสมาชิกและพันธมิตรระดับโลก โดยผู้นำอาเซียนได้เน้นย้ำการสร้างประชาคมที่แข็งแรง มีเอกภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงการรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับความยั่งยืนและการมีประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา

    ในฐานะภูมิภาคที่มีความเปราะบางทางภูมิรัฐศาสตร์ อาเซียนยังทำหน้าที่สร้างความมั่นคงในภูมิภาคผ่านการร่วมมือด้านความมั่นคง การป้องกันและแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง รวมถึงการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่น การก่อการร้ายและภัยธรรมชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

    ด้วยบทบาทสำคัญเหล่านี้ อาเซียนจึงยังเป็นพื้นที่ที่สมาชิกสามารถแสวงหาพันธมิตรใหม่ ๆ และมีส่วนร่วมในการสร้างระเบียบโลกที่เป็นธรรมและเสถียรภาพ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของภูมิภาคในฐานะผู้เล่นสำคัญในเวทีโลกท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่ซับซ้อน

8.ความท้าทายและโอกาสของอาเซียนในอนาคต

ความท้าทายและโอกาสของอาเซียนในอนาคต

    ภูมิภาคอาเซียนยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านในยุคโลกาภิวัตน์ เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกที่ยังมีช่องว่างสูง การเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์โลกที่มีผลต่อเสถียรภาพภูมิภาค รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่ต้องจัดการร่วมกัน

    อย่างไรก็ดี อาเซียนยังมีโอกาสมากมายในการใช้ความร่วมมือเป็นรากฐานสร้างความเข้มแข็ง โดยเฉพาะในการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี การส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนาอย่างยั่งยืน และการสร้างพันธมิตรกับประเทศอื่น ๆ เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาระดับโลก

     การพัฒนาและปรับตัวอย่างต่อเนื่องถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้อาเซียนสามารถรักษาความร่วมมือและบทบาทสำคัญในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน    

    อาเซียนเป็นผลจากความร่วมมือของประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างสันติภาพและความมั่นคง องค์กรนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นกลไกสำคัญในการแสดงพลังและเสียงของภูมิภาคในเวทีโลก บทบาทของอาเซียนย่อมต้องพัฒนาและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสในอนาคต เพื่อรักษาความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของภูมิภาคอย่างยั่งยืน

 

    เป็นอย่างไรกันบ้าง? หวังว่าหลังอ่านบทความนี้แล้ว น้อง ๆ จะเข้าใจเกี่ยวกับที่มาและความสำคัญของ “อาเซียน” กันมากขึ้นนะ 

    สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ


   บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ

 

ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand

 

สนใจเรียนพิเศษสังคมตัวต่อตัว ติดต่อได้ที่👇

Line logo LINE ID: @tutorvip หรือคลิ๊ก https://lin.ee/UQ3gQwP
 
ดูอัตราค่าเรียนพิเศษได้ที่ : https://tutor-vip.com/course/learning-price/
 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save