สวัสดีทุกคน บทความนี้พี่ TUTOR VIP จะมาแนะนำการสอบ BMAT ซึ่งเป็นการสอบที่สำคัญมากโดยเฉพาะสำหรับน้อง ๆ ที่สนใจเรียนสายแพทย์ในต่างประเทศ หรือหลักสูตรอินเตอร์ ถ้าพร้อมแล้วตามมาทำความรู้จัก BMAT ให้มากขึ้นกันเลย
เลือกอ่านเนื้อหาที่ต้องการ
BMAT คืออะไร ?
BioMedical Admission Test หรือ BMAT คือ ข้อสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์, สัตวแพทยศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ จัดทำโดย Cambridge Assessment แห่งสหราชอาณาจักร
ซึ่งสถาบันชั้นนำในประเทศไทยเริ่มเปิดรับคะแนน BMAT เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยจะใช้เวลาในการทำข้อสอบทั้งหมด 2 ชั่วโมง เพื่อวัดระดับทักษะการคิด ความสามารถในการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการสื่อสาร
รูปแบบข้อสอบ BMAT
ข้อสอบ BMAT แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1. Thinking skills
เป็นข้อสอบปรนัย 32 ข้อ ใช้เวลา 60 นาที โดยเป็นข้อสอบแนว problem solving จำนวน 16 ข้อ และเป็นข้อสอบแนว critical thinking จำนวน 16 ข้อ
2. Scientific Knowledge and Applications
เป็นข้อสอบปรนัย 27 ข้อ ใช้เวลา 30 นาที โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุมวิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และคณิตศาสตร์ในระดับมัธยม
3. Writing Task
เป็นการเขียนตอบคำถาม 1 ข้อ โดยเลือกจาก 3 ข้อที่ข้อสอบให้มา ใช้เวลา 30 นาที
การคิดคะแนน BMAT
ส่วนที่ 1 – 2 คะแนนเต็ม 9.0
แต่ละข้อมี 1 คะแนน มีการแบ่งเกณฑ์การให้คะแนนออกเป็นสเกล 1-9 โดยส่วนใหญ่คะแนนจะอยู่ที่ 5.0 หากมีความชำนาญสูงขึ้นคะแนนจะอยู่ที่ 6.0 และ น้อยคนที่จะได้ถึง 7.0 ขึ้นไป
ส่วนที่ 3 จะมีผู้ตรวจ 2 คน
ผู้ตรวจจะให้คะแนน 2 แบบ ส่วนแรกจะเป็นการให้คะแนนด้านเนื้อหา ซึ่งมีเกณฑ์คะแนนอยู่ที่ 0-5 และส่วนที่ 2 จะให้คะแนนด้านการใช้ภาษาอังกฤษ โดยแบ่งเป็นเกณฑ์ A, C, E
เกณฑ์การให้คะเเนนมี 2 ส่วน
- ด้านเนื้อหา (มี1-5คะเเนน)
- 1 คะแนน หมายถึง เป็นการเขียนด้วยเนื้อหาที่พอรับได้ แต่ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม อาจมีความลังเลหรือไม่ชัดเจน
- 2 คะแนน หมายถึง เป็นการเขียนที่ค่อนข้างตรงประเด็น แต่อาจมีบางคำหรือบางจุดที่ไม่ชัดเจน
- 3 คะแนน หมายถึง การเขียนแสดงการตอบคำถามได้พอใช้ตรงกับทุกมุมมองของคำถาม มีการสร้างเหตุผลโต้แย้ง
- 4 คะแนน หมายถึง การเขียนที่มีข้อบกพร่องน้อย ตรงประเด็นทุกมุมมอง มีการใช้สำนวนการโต้แย้งได้ดี
- 5 คะแนน หมายถึง การเขียนได้ดีเยี่ยมชัดเจนไร้จุดบกพร่อง ตอบตรงประเด็นทุกมุมมอง มีการใช้โครงสร้างประโยคแสดงออกถึงความคิดได้ดีเยี่ยม ชัดเจน
- ด้านภาษาอังกฤษ (มี A, B, C, D, E คะแนน)
- Band A หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษได้ดี โดยดูจากการอ่านได้ลื่นไหล, โครงสร้างประโยคดี, เลือกใช้ศัพท์ดี, ไวยากรณ์ใช้ถูกต้องและเหมาะสม
- Band C หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษได้พอใช้ อาจมีจุดอ่อนด้านประสิทธิภาพการใช้ภาษาอังกฤษ โดยดูจาก อ่านได้พอลื่นไหล มีการใช้โครงสร้างประโยคง่ายๆ ใช้ศัพท์ระดับกลาง ไม่ง่ายเกินไป
- Band E หมายถึง การใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างอ่อน โดยดูจาก การทำให้ต้องอ่านหลายรอบถึงจะเข้าใจ, มีจุดบกพร่องในประโยคหรือย่อหน้า ใช้ไวยากรณ์ผิด มีจุดบกพร่องด้านการสะกดคำ
เกณฑ์การให้คะแนนจะแบ่งเป็น A, B, C, D, E หากผู้ตรวจ 2 คน ให้คะแนน AA = A, AC=B, CC=C, CE=D, EE=E
การสมัครและค่าสมัครสอบ BMAT
สามารถสมัครสอบได้ที่ www.metritests.com
โดยมีค่าสมัครสอบ (ชำระผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น) ประมาณ 8,000 บาท
ที่สำคัญคือ “ผู้สมัครสามารถสอบได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น” ในรอบการรับสมัครแต่ละปีการศึกษา และไม่สามารถเก็บคะแนนย้อนหลังมาใช้ในปีถัด ๆ ไปได้ เพราะฉะนั้นต้องวางแผนในการสอบกันดี ๆ นะ
หวังว่าบทความนี้เป็นประโยชน์กับทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะ
ส่วนใครที่กำลังมองหาที่ติวภาษาอังกฤษ หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
“อารยธรรมโรมัน” อารยธรรมที่ทรงอิทธิพลถึงปัจจุบัน
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุป ‘อารยธรรมกรีก’ อารยธรรมโบราณที่มีเสน่ห์
สังคมและประวัติศาสตร์
เจาะลึก ‘อารยธรรมอียิปต์’! อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก