เอากุสตุส: จักรพรรดิองค์แรกแห่งโรม ผู้วางรากฐานจักรวรรดิโรมัน

ประวัติ เอากุสตุส จักรพรรดิองค์แรกแห่งโรม ผู้วางรากฐานจักรวรรดิโรมัน

     สวัสดีน้อง ๆ ทุกคน บทความนี้ พี่ TUTOR VIP จะพาน้อง ๆ ไปทำความรู้จัก “เอากุสตุส” จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมัน และถือเป็นหนึ่งในผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ ชีวิตของเขาจะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้างตามไปดูในบทความกันเลย

เอากุสตุส จากเด็กหนุ่มสู่ผู้สืบทอดแห่งโรม

จากเด็กหนุ่มสู่ผู้สืบทอดแห่งโรม

    แม้ว่า “เอากุสตุส” จะถูกจดจำในฐานะจักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมัน แต่แท้จริงแล้ว เขาไม่ได้เกิดมาในสถานะผู้นำเช่นนั้นตั้งแต่ต้น ชื่อเดิมของเขาคือ อ็อกตาวิอุส (Gaius Octavius) เกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน ปี 63 ก่อนคริสตกาล ในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดี แม้ไม่ใช่ตระกูลใหญ่ในแวดวงการเมืองโรมันก็ตาม ในช่วงวัยเด็ก ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์

    เมื่ออ็อกตาวิอุสอายุเพียง 4 ขวบ บิดาของเขาได้เสียชีวิตลง มารดาของเขาจึงแต่งงานใหม่ ทำให้เขาเติบโตขึ้นภายใต้การดูแลของ คุณยายจูเลีย ซึ่งเป็นพี่สาวของ จูเลียส ซีซาร์ ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน นั่นหมายความว่า ซีซาร์คือ “ลุง” ของเขานั่นเอง

    ในวัยเพียง 12 ปี อ็อกตาวิอุสได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานศพของคุณยาย ซึ่งสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก ซีซาร์เองก็เริ่มสังเกตเห็นความสามารถของหลานชายผู้นี้ตั้งแต่นั้น

    เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม อ็อกตาวิอุสได้รับการฝึกฝนทั้งด้านการทหารและการปกครอง ซีซาร์ส่งเขาไปศึกษาที่เมืองอพอลโลเนีย (ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศแอลเบเนีย) และมีแผนจะพาอ็อกตาวิอุสไปร่วมทำสงครามในแดนปาร์เธีย ทว่าทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อถึงวันที่ 15 มีนาคม ปี 44 ก่อนคริสตกาล ในวันนั้น จูเลียส ซีซาร์ ถูกลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยม ถูกแทงถึง 23 แผลภายในวุฒิสภาโรมัน เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์

    หลังจากการเสียชีวิตของซีซาร์ พินัยกรรมของเขาถูกเปิดเผย และสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น —  อ็อกตาวิอุสได้รับการระบุให้เป็น “บุตรบุญธรรม” พร้อมทั้งได้รับมรดกถึงสามในสี่ของทรัพย์สินทั้งหมด หนุ่มน้อยวัย 18 ปีในตอนนั้น จึงเปลี่ยนชื่อเป็น กาอิอุส ยูลิอุส ไกซาร์ อ็อกตาวิอานุส (Gaius Julius Caesar Octavianus) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ อ็อกตาวิอุส

    แม้สถานการณ์ในขณะนั้นจะเต็มไปด้วยอันตราย ทั้งจากกลุ่มที่ลอบสังหารซีซาร์และอิทธิพลของมาร์กุส อันโตนิอุส (Marcus Antonius) มือขวาคนสำคัญของซีซาร์ ผู้มีทั้งอำนาจทางการเมืองและกองทัพสนับสนุน แต่กลับกลายเป็นว่า อ็อกตาวิอุสได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกฝ่าย

    เขาเดินทางกลับสู่กรุงโรมทันที ประกาศตนเป็นทายาทโดยชอบธรรมของซีซาร์ และทวงสิทธิ์ในมรดกที่ควรเป็นของตนเอง

   จุดนี้เอง คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่อำนาจของชายหนุ่มวัย 18 ปี ที่ในเวลาต่อมา จะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ —เอากุสตุส — ผู้วางรากฐานให้กับจักรวรรดิโรมันอย่างมั่นคง และสร้างอิทธิพลที่ยังคงถูกกล่าวถึงมาจนถึงปัจจุบัน



เอากุสตุส การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

การต่อสู้แย่งชิงอำนาจและการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

    หลังจากที่อ็อกตาวิอุสประกาศตนเป็นทายาทของจูเลียส ซีซาร์ เขาก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและอันตรายอย่างยิ่ง กรุงโรมในเวลานั้นอยู่ในภาวะวุ่นวายและไร้เสถียรภาพ

    มาร์กุส อันโตนิอุส อดีตผู้ใกล้ชิดและมือขวาของซีซาร์ ไม่ได้ยินดีกับการปรากฏตัวของอ็อกตาวิอุส เขามองว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่มีประสบการณ์และไม่น่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ ทว่าอ็อกตาวิอุสกลับแสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดเกินวัย

   หนึ่งในกลยุทธ์แรกของเขาคือการแจกเงินให้แก่ประชาชนและทหารตามคำสั่งของซีซาร์ในพินัยกรรม การกระทำนี้ทำให้เขาได้รับความนิยมและแรงสนับสนุนจากทั้งประชาชนและกองทัพอย่างรวดเร็ว

    ในขณะเดียวกัน วุฒิสมาชิกผู้เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารซีซาร์ เช่น บรูตัส และแคสเซียส ได้หลบหนีออกนอกกรุงโรม อ็อกตาวิอุสมีความตั้งใจจะแก้แค้นให้กับลุงของตน แต่การร่วมมือกับอันโตนิอุสนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

เอากุสตุส การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด-2

    อย่างไรก็ตาม การเมืองมักเต็มไปด้วยความพลิกผัน แม้จะเป็นศัตรูกัน แต่บางครั้งก็ต้องจับมือกันชั่วคราว ปี 43 ก่อนคริสตกาล อ็อกตาวิอุส อันโตนิอุส และเลปิดัส นักการเมืองอีกคน ได้ตกลงร่วมมือกันปกครองกรุงโรม พวกเขาเรียกกลุ่มพันธมิตรนี้ว่า “ไตรอุมวิเรตครั้งที่สอง” (Second Triumvirate)

    ทั้งสามได้แบ่งอำนาจในการปกครองและดำเนินการกวาดล้างศัตรูทางการเมืองทันที มีการสั่งประหารนักการเมืองกว่า 300 ราย รวมถึงซิเซโร นักปราชญ์และนักพูดชื่อดังแห่งโรม ซึ่งเคยวิจารณ์อันโตนิอุสอย่างรุนแรง

    ต่อมา พวกเขาได้ยกทัพไปต่อสู้กับบรูตัสและแคสเซียส ซึ่งตั้งกำลังอยู่ทางตะวันออก ในปี 42 ก่อนคริสตกาล เกิดการรบครั้งใหญ่ที่เมืองฟิลิปปี อ็อกตาวิอุสและอันโตนิอุสเป็นฝ่ายชนะ บรูตัสและแคสเซียสจบชีวิตตนเอง และอ็อกตาวิอุสก็สามารถล้างแค้นให้จูเลียส ซีซาร์ได้สำเร็จ

    หลังจากชัยชนะ ทั้งสามได้แบ่งพื้นที่จักรวรรดิในการปกครอง เลปิดัสได้แอฟริกา อันโตนิอุสได้รับดินแดนทางตะวันออก และอ็อกตาวิอุสดูแลอิตาลีรวมถึงดินแดนทางตะวันตก แม้ความร่วมมือจะมีปัญหาเป็นระยะ แต่ก็สามารถรักษาความสงบไว้ได้ชั่วคราว

    ต่อมา อันโตนิอุสซึ่งประจำการอยู่ทางตะวันออก ได้พัวพันกับคลีโอพัตรา ราชินีแห่งอียิปต์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กับซีซาร์มาก่อน เขาแต่งงานกับคลีโอพัตราทั้งที่ก่อนหน้านั้นได้แต่งงานกับออกเทเวีย น้องสาวของอ็อกตาวิอุสแล้ว เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง

    อ็อกตาวิอุสฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้โจมตีอันโตนิอุส โดยกล่าวหาว่าเขาทรยศต่อโรม และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของต่างชาติ ประชาชนชาวโรมันจึงเริ่มมองอันโตนิอุสในแง่ลบ

   ในปี 32 ก่อนคริสตกาล วุฒิสภาได้ถอดถอนอำนาจของอันโตนิอุสในฐานะผู้ปกครองร่วม และประกาศสงครามกับคลีโอพัตรา (ซึ่งในความเป็นจริงคือกับอันโตนิอุส) ความขัดแย้งดังกล่าวนำไปสู่ศึกทางทะเลครั้งสำคัญที่เมืองแอคเทียมในปี 31 ก่อนคริสตกาล

เอากุสตุส จักรพรรดิองค์แรกแห่งโรม

จักรพรรดิองค์แรกแห่งโรม

    กองเรือของอ็อกตาวิอุส ซึ่งนำโดยนายพลอกริปปา (Agrippa) สามารถเอาชนะกองกำลังของอันโตนิอุสและคลีโอพัตราได้อย่างเด็ดขาด หลังความพ่ายแพ้ ทั้งสองได้หลบหนีกลับไปยังอียิปต์ และในเวลาต่อมา ทั้งอันโตนิอุสและคลีโอพัตราก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง

    จักรวรรดิโรมันจึงสามารถผนวกอียิปต์เข้าเป็นหนึ่งในจังหวัดของตนอย่างสมบูรณ์ และจากเหตุการณ์นี้เอง อ็อกตาวิอุสได้กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวของกรุงโรม

    เขาครอบครองอำนาจเหนือกองทัพทั้งหมด มีทรัพยากรมากมายในครอบครอง และได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง

    ในปี 27 ก่อนคริสตกาล วุฒิสภาโรมันได้มอบตำแหน่ง “เอากุสตุส” (Augustus) ให้แก่เขา ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้สูงส่ง” หรือ “ผู้ศักดิ์สิทธิ์” และนับจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้รับการยกย่องในนาม “เอากุสตุส” จักรพรรดิองค์แรกแห่งจักรวรรดิโรมัน

มรดกของเอากุสตุส

สันติภาพของเอากุสตุสและมรดกอันยิ่งใหญ่

    รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเอากุสตุสจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่? เหตุผลสำคัญคือ เขาตระหนักว่าโรมได้เผชิญกับสงครามและความวุ่นวายมานานเกินไปแล้ว หลังจากสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาหลายสิบปี ประชาชนต่างโหยหาความสงบสุขและเสถียรภาพ ซึ่งเอากุสตุสสามารถมอบให้ได้อย่างแท้จริง

    เอากุสตุสไม่ได้ประกาศตนเป็นกษัตริย์หรือผู้นำเผด็จการโดยตรง แต่เลือกใช้วิธีที่ชาญฉลาดกว่า เขารักษาระบบสาธารณรัฐไว้ในรูปแบบภายนอก โดยเรียกตนเองว่า “พรินเซปส์” (Princeps) หรือ “พลเมืองอันดับหนึ่ง” ทำให้ดูเสมือนว่าเขาเป็นเพียงพลเมืองคนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรัฐ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เขามีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือโรมทั้งหมด

    ยุคของเอากุสตุสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “สันติภาพของโรม” (Pax Romana) ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองและสันติสุขที่ยาวนานถึงกว่า 200 ปี โดยเขาได้ดำเนินการปฏิรูปและพัฒนาโรมในหลายด้าน ได้แก่:

  1. การปฏิรูประบบการบริหาร
    เขาจัดตั้งระบบราชการที่มีประสิทธิภาพ ก่อตั้งกองกำลังป้องกันเมือง (Praetorian Guard) และสร้างกองทัพประจำการ เพื่อเสริมความมั่นคงในการบริหารและความปลอดภัยภายใน

  2. การปฏิรูปเศรษฐกิจ
    เขาส่งเสริมการค้า พัฒนาระบบภาษี สร้างเหรียญกษาปณ์ที่มีมาตรฐาน และริเริ่มโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทำให้เศรษฐกิจโรมเฟื่องฟู

  3. การสนับสนุนศิลปะและวัฒนธรรม
    ยุคของเขาถือเป็น “ยุคทองของวรรณกรรมโรมัน” มีนักกวีชื่อดังอย่างเวอร์จิล (ผู้เขียน Aeneid) และโฮเรซ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเอากุสตุสอย่างเต็มที่

  4. โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
    เขาเคยกล่าวไว้ว่า “ข้าพบโรมในสภาพที่สร้างด้วยอิฐ และทิ้งไว้ให้เป็นหินอ่อน” ซึ่งสะท้อนถึงโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของเขา เช่น วิหาร อาคารสาธารณะ ถนน ระบบชลประทาน โรงละคร และอ่างอาบน้ำสาธารณะ

  5. การปฏิรูปทางสังคมและศีลธรรม
    เขาส่งเสริมค่านิยมดั้งเดิม เช่น การแต่งงาน การมีบุตร และควบคุมพฤติกรรมทางศีลธรรมของประชาชนอย่างเข้มงวด

  6. การขยายอาณาเขตของจักรวรรดิ
    ภายใต้การนำของเขา จักรวรรดิโรมันขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงสเปน กอล (ฝรั่งเศสปัจจุบัน) อียิปต์ และดินแดนในตะวันออกกลาง



ความสำคัญของเอากุสตุส

ความสำคัญของเอากุสตุส

    ความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของเอากุสตุสคือการวางรากฐานของระบบการปกครองที่มั่นคง ซึ่งสามารถดำรงอยู่ได้หลายศตวรรษ โดยรักษาสมดุลระหว่างอำนาจของผู้นำกับสถาบันเดิมของสาธารณรัฐ

    เอากุสตุสถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 14 ที่เมืองโนลา ขณะมีอายุ 75 ปี หลังจากดำรงตำแหน่งผู้นำของโรมยาวนานถึง 41 ปี แม้ว่าเขาจะแต่งงานถึงสามครั้ง แต่ก็ไม่มีบุตรชาย เขาจึงรับทิเบริอุส บุตรชายของภรรยาคนที่สาม เป็นบุตรบุญธรรมและแต่งตั้งให้เป็นทายาทสืบทอดอำนาจต่อจากตน

    คำพูดสุดท้ายที่มีการบันทึกไว้ของเอากุสตุสคือ
“ฉันได้เล่นละครชีวิตจนจบแล้ว ถ้าพวกท่านพอใจก็โปรดปรบมือให้ด้วย”
เป็นประโยคที่เปรียบเหมือนนักแสดงผู้โค้งคำนับหลังจบการแสดงบนเวทีอย่างสง่างาม

    สิ่งที่เอากุสตุสสร้างไว้ไม่ได้จบลงเพียงแค่ในสมัยของเขา เพราะมรดกเหล่านั้นยังคงอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบกฎหมาย การบริหารราชการ สถาปัตยกรรม ศิลปะ วรรณกรรม และแม้แต่ภาษาที่เราใช้ ล้วนได้รับอิทธิพลจากยุคของเขาทั้งสิ้น

    แม้แต่ชื่อของเดือนสิงหาคม (August) ก็ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขาอีกด้วย

   เอากุสตุสคือผู้เปลี่ยนโรมจากสาธารณรัฐที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ให้กลายเป็นจักรวรรดิที่มั่นคงและยิ่งใหญ่ มรดกของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ในยุโรป แต่ยังขยายอิทธิพลไปทั่วโลกตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา

 

       เป็นอย่างไรกันบ้าง? หวังว่าหลังอ่านบทความนี้แล้ว น้อง ๆ จะรู้จักความยิ่งใหญ่และความสำคัญของจักรพรรดิองค์แรกแห่งโรมันเอากุสตุส กันมากขึ้นนะ 

    สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ


   บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ

 

ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand

 

สนใจเรียนพิเศษประวัติศาสตร์ตัวต่อตัว ติดต่อได้ที่👇

Line logo LINE ID: @tutorvip หรือคลิ๊ก https://lin.ee/UQ3gQwP
 
ดูอัตราค่าเรียนพิเศษได้ที่ : https://tutor-vip.com/course/learning-price/
 

 

บทความล่าสุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save