สรุปประวัติ รัชกาลที่ 5 กับที่มาของวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม

สรุปประวัติรัชกาลที่ 5 กับที่มาของ วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม

     สวัสดีทุกคน บทความนี้ พี่ TUTOR VIP จะพาไปศึกษาพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” หรือ “รัชกาลที่ 5” กษัตริย์นักพัฒนาผู้นำประเทศไทยเข้าสู่ยุคใหม่อยางแท้จริง เรื่องราวของพระองค์จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง? ตามไปศึกษาพร้อมกันในบทความเลย

1. ประวัติส่วนพระองค์ รัชกาลที่ 5

ประวัติส่วนพระองค์

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงพระนามเดิมว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์” เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 ณ พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร 

    ในรัชสมัยของพระราชบิดา พระองค์ทรงได้รับการศึกษาตามแบบอย่างกษัตริย์ไทยในสมัยนั้น ทั้งในด้านพระพุทธศาสนาและวิชาการสมัยใหม่ อีกทั้งยังทรงศึกษาภาษาต่างประเทศ และมีพระปรีชาสามารถโดดเด่นด้านการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ 

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2411 พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระมหากษัตริย์ในพระปรมาภิไธย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ขณะมีพระชนมายุเพียง 15 พรรษา ด้วยเหตุที่ทรงพระเยาว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินว่าราชการแทนพระองค์ในระยะต้นรัชกาล 

    ต่อมาเมื่อพระชนมายุครบ 20 พรรษา ในปี พุทธศักราช 2416 พระองค์จึงเสด็จออกว่าราชการแผ่นดินโดยสมบูรณ์ และทรงเริ่มปฏิรูปประเทศอย่างเป็นระบบ ทั้งด้านการบริหารราชการ การศึกษา เศรษฐกิจ และการทหาร เพื่อนำสยามประเทศให้ทันต่อกระแสโลกาภิวัตน์และการคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกในยุคนั้น 

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมเหสีและเจ้าจอมหลายพระองค์ มีพระราชโอรสและพระราชธิดาจำนวนมาก พระราชโอรสพระองค์สำคัญ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ซึ่งต่อมาเสด็จขึ้นครองราชย์เป็น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) 

    ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชสมบัติยาวนานถึง 42 ปี พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันสำคัญนานัปการที่ก่อให้เกิดความเจริญแก่ประเทศชาติ ทั้งในด้านการเลิกทาส การวางรากฐานระบบราชการสมัยใหม่ การสร้างสาธารณูปโภค ตลอดจนการดำเนินพระราชไมตรีกับนานาอารยประเทศ 

    พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พุทธศักราช 2453 ด้วยพระโรคพระวักกะ (ไตวาย) ขณะมีพระชนมายุ 57 พรรษา พระองค์ได้รับการถวายพระราชสมัญญานามในภายหลังว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” อันมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชน”

 

พระราชกรณียกิจสำคัญ

 

2.1 พระราชกรณียกิจสำคัญ รัชกาลที่ 5

1. การเลิกทาส

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงริเริ่มการเลิกทาสด้วยวิธีการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนในสังคมและเศรษฐกิจ โดยมีจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2417 ด้วยการประกาศ “พระราชบัญญัติพิกัดอัตราไถ่ตัวไถ่ลูกไท” ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การไถ่ตัวทาสและลูกทาสอย่างเป็นระบบ

    ภายหลังทรงออกระเบียบเพิ่มเติมในปี พุทธศักราช 2448 เพื่อยกเลิกระบบทาสโดยสมบูรณ์ ส่งผลให้ประชาชนชาวสยามได้รับเสรีภาพอย่างแท้จริง ถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญที่สร้างหลักฐานอันยั่งยืนให้แก่ หลักมนุษยนิยมและสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย จวบจนปัจจุบัน

2.2 พระราชกรณียกิจสำคัญ รัชกาลที่ 5

2. การปฏิรูประบบราชการ

    พระองค์ทรงปฏิรูประบบราชการสยามจากระบบจตุสดมภ์แบบโบราณ สู่ระบบราชการสมัยใหม่ โดยทรง จัดตั้งกระทรวงทบวงกรมขึ้นใหม่จำนวน 12 กระทรวง เพื่อแยกบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

    นอกจากนี้ ทรงสถาปนาระบบการบริหารราชการส่วนภูมิภาคในรูปแบบใหม่ คือ “เทศาภิบาล” เพื่อกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่หัวเมืองต่าง ๆ ทำให้การปกครองมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการแยกตัวของท้องถิ่นในระยะยาว

2.3 พระราชกรณียกิจสำคัญ รัชกาลที่ 5

3. การพัฒนาด้านการศึกษา

    พระองค์ทรงส่งเสริมการศึกษาของชาติอย่างกว้างขวาง โดยทรงจัดตั้ง โรงเรียนหลวงและโรงเรียนสำหรับข้าราชการ เพื่อยกระดับความรู้ของประชาชนและข้าราชการ 

    นอกจากนี้ยังทรงส่งเสริมให้ราษฎรและเจ้านายศึกษาต่อต่างประเทศ และนำแบบอย่างการศึกษาตะวันตกเข้ามาปรับใช้กับระบบการศึกษาไทย ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างกำลังคนคุณภาพสำหรับการพัฒนาชาติในอนาคต

2.4 พระราชกรณียกิจสำคัญ รัชกาลที่ 5

4. การสร้างสาธารณูปโภค

    ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาสาธารณูปโภคสมัยใหม่หลายประการ เช่น 

  • การสร้างทางรถไฟสายแรกของประเทศ คือสายกรุงเทพฯ – อยุธยา (พ.ศ. 2436) และต่อมา สายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา (พ.ศ. 2443) 
  • การก่อสร้างถนนสายสำคัญในพระนครและหัวเมือง 
  • การนำ ไฟฟ้า น้ำประปา ไปรษณีย์ โทรเลข และโทรศัพท์ มาใช้ในราชอาณาจักร 

    พระราชกรณียกิจเหล่านี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของ ความทันสมัยด้านสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ของสยามสู่ความเจริญแบบตะวันตก

2.5 พระราชกรณียกิจสำคัญ รัชกาลที่ 5

5. การปกป้องเอกราชและอธิปไตย

    ในยุคที่ลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกแผ่ขยายเข้ามาในภูมิภาค พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้นโยบายการทูตอย่างชาญฉลาด ทั้งในการเจรจาและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง โดยยอมสละดินแดนบางส่วนในดินแดนลาว เขมร และมลายู ให้แก่อังกฤษและฝรั่งเศส เพื่อรักษาเอกราชและอธิปไตยของสยามไว้ 

    แม้การสูญเสียดินแดนจะเป็นที่เศร้าสลดในประวัติศาสตร์ แต่ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรักษาอิสรภาพของสยามในยุคอาณานิคม

2.6 พระราชกรณียกิจสำคัญ รัชกาลที่ 5

6. การส่งเสริมพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ

    พระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภกพระพุทธศาสนา ทรงสั่งให้มี การชำระและตีพิมพ์พระไตรปิฎกภาษาบาลีฉบับอักษรไทยเป็นครั้งแรก เพื่อเผยแพร่และอนุรักษ์พระธรรมคำสอนให้แพร่หลายแก่สาธารณชน 

    นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงดำรงพระราชนโยบายเป็นกลางต่อศาสนาอื่น ๆ ที่เข้ามาเผยแผ่ในสยาม เช่น ศาสนาคริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่น ๆ โดยคำนึงถึงความสงบสุขของประชาชนและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

3. พระปิยมหาราช

การได้รับสมัญญา “พระปิยมหาราช”

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมี พระราชจริยวัตรอ่อนน้อม สุภาพเรียบง่าย และทรงใกล้ชิดกับราษฎร ทรงพระเมตตาในการเยียวยาทุกข์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งในด้านพระราชดำริ พระราชกรณียกิจ และการเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรด้วยพระองค์เอง

 

    ในรัชสมัยของพระองค์ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ ก่อตั้งโรงพยาบาล, โรงเรียนสงเคราะห์ราษฎร และสนับสนุนการศึกษาสาธารณสุขและสาธารณูปการ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนทรงส่งเสริมการเลิกทาสเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ยากของผู้ด้อยโอกาสในสังคม

 

    ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ประชาชนจึงซาบซึ้งในพระเมตตาและเทิดทูนพระองค์ตลอดพระชนม์ชีพและภายหลังสวรรคต โดยในเวลาต่อมา พระองค์จึงได้รับการถวาย    พระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” อันมีความหมายว่า  “พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชน”


    พระสมัญญานี้ได้รับการสถาปนาแลประกาศใช้อย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อมีการกำหนดให้วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็น “วันปิยมหาราช” เพื่อถวายพระเกียรติคุณและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ต่อชาติไทย

4. ที่มาของวันปิยมหาราช

ที่มาของวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พุทธศักราช 2453 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระองค์ทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรทั่วทั้งประเทศ เมื่อทรงสิ้นพระชนม์ประชาชนจึงเศร้าโศกเสียใจทั่วแผ่นดิน

 

    ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็น “วันปิยมหาราช” เพื่อ น้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ที่มีต่อประเทศชาติและประชาชน

 

    วันปิยมหาราชได้รับการกำหนดให้เป็น วันหยุดราชการแห่งชาติ และในทุก ๆ ปี รัฐบาล หน่วยงานราชการ ตลอดจนประชาชนทั่วไป จะร่วมกันจัดพิธี วางพวงมาลาและถวายราชสักการะ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณลานพระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร รวมถึงมีการจัดกิจกรรม บำเพ็ญกุศลและแสดงความกตัญญูกตเวทีทั่วประเทศ เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณของพระองค์ในฐานะ “พระปิยมหาราช” หรือ  “พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชน”

 

    เป็นอย่างไรกันบ้าง? หวังว่าหลังอ่านบทความนี้แล้ว น้อง ๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติและพระปรีชาสามารถของรัชกาลที่ 5 กันมากขึ้นนะ 

    สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ


   บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ

 

ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand

 

สนใจเรียนพิเศษประวัติศาสตร์ตัวต่อตัว ติดต่อได้ที่👇

Line logo LINE ID: @tutorvip หรือคลิ๊ก https://lin.ee/UQ3gQwP
 
ดูอัตราค่าเรียนพิเศษได้ที่ : https://tutor-vip.com/course/learning-price/
 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save