สวัสดีทุกคน! ในบทความนี้ พี่ TUTOR VIP จะพาน้อง ๆ ไปทำความรู้จักกับศาสดาของพระพุทธศาสนา ผู้ซึ่งนำเสนอหลักธรรมที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของพุทธศาสนิกชนมากว่า 2,500 ปี การเดินทางของพระองค์เต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญ ตั้งแต่การตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์จนถึงการเผยแผ่ธรรมะแก่ประชาชน และการปรินิพพานที่เมืองกุสินารา
บทความนี้จะพาผู้อ่านไปสำรวจชีวิตและคำสอนของพระพุทธเจ้าในรูปแบบที่กระชับและเข้าใจง่าย โดยเน้นเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจและแสดงถึงปัญญาของพระองค์ ซึ่งยังคงมีความหมายต่อชีวิตผู้คนในปัจจุบัน
พุทธประวัติ คืออะไร?
พุทธประวัติ คือ เรื่องราวที่สำคัญเกี่ยวกับชีวิตและการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นศาสดาของพระพุทธศาสนา โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้
-
- ประสูติ: พระพุทธเจ้ามีพระนามเดิมว่า “สิทธัตถะ” เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา ประสูติในวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ณ สวนลุมพินีวัน
- การออกบวช: เมื่อทรงเห็นความทุกข์ของมนุษย์ เช่น การเกิด แก่ เจ็บ ตาย พระองค์จึงตัดสินใจออกบวชเพื่อค้นหาหนทางพ้นทุกข์ โดยได้ศึกษาธรรมหลายรูปแบบและบำเพ็ญทุกรกิริยา
- การตรัสรู้: ในวันเพ็ญเดือน 6 ปีระกา ขณะพระชนมายุ 35 พรรษา พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ โดยทรงค้นพบ “อริยสัจ 4” ซึ่งประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค
- การเผยแผ่ธรรม: หลังจากตรัสรู้ พระองค์ได้แสดงธรรมครั้งแรกที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเผยแผ่พระพุทธศาสนา
- ปรินิพพาน: พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ขณะพระชนมายุ 80 พรรษา ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา
ในแต่ละช่วงชีวิตของพระพุทธเจ้าเต็มไปด้วยรายละเอียดที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจลึกซึ้งถึงเส้นทางแห่งการตรัสรู้และการเผยแผ่ธรรมะของพระองค์มากยิ่งขึ้น มาติดตามกันในส่วนถัดไปเพื่อค้นพบเรื่องราวที่น่าหลงใหลนี้กันเถอะ
การประสูติ
พระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาแห่งพุทธศาสนา มีพระนามเดิมว่า “สิทธัตถะ” ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ พระองค์ประสูติในวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 80 ปี ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะ ปัจจุบันอยู่ในประเทศเนปาล
หลังประสูติได้ 5 วัน มีการจัดพิธีขนานพระนามและทำนายลักษณะของพระราชกุมาร โดยพระประยูรญาติได้ถวายพระนามว่า “สิทธัตถะ” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีความสำเร็จสมประสงค์ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนตั้งใจจะทำ” พราหมณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ 8 ท่านได้ทำนายอนาคตของพระราชกุมาร โดยส่วนใหญ่ทำนายว่าพระองค์จะเป็นได้ทั้งพระเจ้าจักรพรรดิหรือพระพุทธเจ้า แต่โกณฑัญญะพราหมณ์ทำนายว่า “พระราชกุมารจักเสด็จออกจากพระราชวังผนวชเป็นบรรพชิต แล้วตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ไม่มีกิเลสในโลก”
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ 7 วัน พระราชมารดาเสด็จสวรรคต พระนางมหาปชาบดีโคตมีจึงได้รับหน้าที่เลี้ยงดูพระองค์แทน เมื่อพระชนมายุ 8 พรรษา พระองค์ทรงเข้าศึกษาในสำนักของอาจารย์วิศวามิตร ซึ่งสอนศิลปวิทยาถึง 18 สาขา เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษาได้อย่างรวดเร็วและเชี่ยวชาญจนเกินความสามารถของพระอาจารย์
พระประวัติของพระพุทธเจ้าแสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นชีวิตที่พิเศษ ตั้งแต่การประสูติที่มีการทำนายถึงอนาคตอันยิ่งใหญ่ ไปจนถึงพระปรีชาสามารถในการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การตรัสรู้และการก่อตั้งพุทธศาสนาในเวลาต่อมา
การอภิเษกสมรส
ด้วยพระราชประสงค์ของพระราชบิดาที่ต้องการให้พระองค์ทรงครองเพศฆราวาสและเป็นพระจักรพรรดิผู้ทรงธรรม เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ 16 พรรษา พระเจ้าสุทโธทนะทรงเห็นว่าถึงเวลาอันเหมาะสมสำหรับการอภิเษกสมรส เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตคู่ของพระราชโอรส พระเจ้าสุทโธทนะโปรดให้สร้างปราสาทอันวิจิตรงดงาม 3 หลัง สำหรับประทับในแต่ละฤดูกาล ได้แก่
-
- รมยปราสาท – สำหรับฤดูหนาว
-
- สุรมยปราสาท – สำหรับฤดูร้อน
-
- สุภปราสาท – สำหรับฤดูฝน
พระเจ้าสุทโธทนะทรงเลือกพระนางพิมพา หรือยโสธรา พระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะและพระนางอมิตาแห่งเทวทหะนคร จากตระกูลโกลิยวงค์ เป็นพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ
ชีวิตสมรสของเจ้าชายสิทธัตถะดำเนินไปท่ามกลางความสุขสบายเป็นเวลา 13 ปี จนกระทั่งพระองค์มีพระชนมายุได้ 29 พรรษา พระนางพิมพายโสธราจึงประสูติพระโอรส เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในพระชนม์ชีพของเจ้าชายสิทธัตถะ แม้พระองค์จะทรงมีพระราชหฤทัยรักในพระโอรสเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ทรงตระหนักถึงความผูกพันที่เพิ่มขึ้น ดังพระดำรัสที่ว่า “ราหุล ชาโต, พันธน ชาต” ซึ่งแปลว่า “บ่วงเกิดแล้ว, เครื่องจองจำเกิดแล้ว”
พระดำรัสนี้สะท้อนถึงความขัดแย้งภายในจิตใจของเจ้าชายสิทธัตถะระหว่างความรักที่มีต่อครอบครัวและความปรารถนาที่จะแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจสำคัญในการเสด็จออกผนวชเพื่อค้นหาสัจธรรม และเป็นจุดเริ่มต้นของการตรัสรู้และการก่อตั้งพุทธศาสนาในเวลาต่อมา
การออกบวช
เจ้าชายสิทธัตถะ แม้จะทรงมีชีวิตที่สุขสบายในวัง แต่ยังทรงแสวงหาสัจธรรมเพื่อค้นหาหนทางพ้นทุกข์ หลังจากทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง 4 ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต ซึ่งทำให้พระองค์ตระหนักถึงความไม่เที่ยงของชีวิต พระองค์จึงตัดสินพระทัยออกผนวช เสด็จออกจากวังพร้อมนายฉันนะ โดยทรงม้ากัณฐกะไปยังแม่น้ำอโนมานที เพื่อเริ่มต้นการแสวงหาความจริง
หลังจากทรงผนวช พระองค์เสด็จไปศึกษาในสำนักของอาฬารดาบสและอุทกดาบส ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านการฝึกสมาธิ พระองค์บรรลุสมาธิขั้นสูงแต่ยังไม่พบทางพ้นทุกข์ จึงเสด็จไปบำเพ็ญทุกรกิริยาที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เป็นเวลา 6 ปี ในช่วงนี้ ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ซึ่งเป็นสาวกแรกเริ่ม คอยปฏิบัติรับใช้พระองค์ แต่เมื่อพระองค์ทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาและกลับมาสู่แนวทางสายกลาง พวกเขาก็ละทิ้งพระองค์ไป
สุดท้าย พระองค์ทรงหันมาดำเนินทางสายกลาง โดยปฏิบัติอย่างพอเหมาะพอควร ซึ่งนำไปสู่การตรัสรู้ภายใต้ต้นโพธิ์ที่เมืองพุทธคยา
การตรัสรู้
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ในวันเพ็ญเดือน 6 (เดือนวิสาขะ) ก่อนพุทธศักราช 45 ปี ขณะมีพระชนมายุ 35 พรรษา หลังจากออกผนวชเป็นเวลา 6 ปี เหตุการณ์สำคัญก่อนการตรัสรู้ ได้แก่
-
- นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส ซึ่งเป็นอาหารที่ทำให้พระองค์มีพลังในการบำเพ็ญสมาธิ
- ทรงอธิษฐานด้วยถาดทองคำที่แม่น้ำเนรัญชรา โดยทรงอธิษฐานว่า
“ ถ้าเราจักสามารถตรัสรู้ได้ในวันนี้ ก็ขอให้ถาดทองคำใบนี้จงลอยทวนกระแสน้ำไป แต่ถ้ามิได้เป็นดังนั้นก็ขอให้ถาดทองคำใบนี้จงลอยไปตามกระแสน้ำเถิด “ - โสตถิยะถวายหญ้าปูลาดใต้ต้นโพธิ์
พระองค์ทรงบรรลุญาณ 3 ประการในคืนตรัสรู้
-
- ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ญาณเป็นเหตุระลึกถึงขันธ์ที่อาศัยในชาติปางก่อนได้)
- จูตุปปาตญาณ (ญาณกำหนดรู้การตาย การเกิดของสัตว์ทั้งหลาย)
- อาสวักขยญาณ (ญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวกิเลสทั้งหลาย)
การตรัสรู้นี้ทำให้พระองค์บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทรงตรัสรู้อริยสัจ 4 ซึ่งประกอบด้วย ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, และ มรรค อันเป็นแก่นแท้ของพระธรรม
การเผยแผ่ธรรม
หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทรงเสวยวิมุตติสุขเป็นเวลา 7 สัปดาห์ ทรงลังเลที่จะเผยแผ่ธรรมะเนื่องจากเห็นว่ายากเกินไปสำหรับคนทั่วไป แต่พระสหัมบดีพรหมได้อาราธนาให้พระองค์โปรดเวไนยสัตว์ โดยเปรียบมนุษย์กับดอกบัว 4 เหล่า
พระพุทธเจ้าจึงตัดสินพระทัยเสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทรงแสดงปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (เดือนอาสาฬหะ) ผลของการแสดงธรรมครั้งแรก ได้แก่
-
- พระอัญญาโกณฑัญญะบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน
- พระอัญญาโกณฑัญญะทูลขออุปสมบท ได้รับการบวชแบบ “เอหิภิกขุอุปสัมปทา”
- พระอัญญาโกณฑัญญะกลายเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา
การแสดงธรรมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา นำไปสู่การสร้างพุทธบริษัท 4 ประกอบด้วย ประกอบไปด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา และการขยายตัวของพระพุทธศาสนาในเวลาต่อมา
การปรินิพพาน
พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ 80 พรรษา หลังจากทรงบำเพ็ญพุทธกิจมาอย่างยาวนาน โดยมีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
-
- จำพรรษาสุดท้ายที่เมืองเวสาลี
- ทรงพระชราภาพมากและประชวรหนัก
- จำพรรษาสุดท้ายที่เมืองเวสาลี
-
- เสด็จจากเวสาลีสู่กุสินารา
- ทอดพระเนตรเมืองเวสาลีเป็นครั้งสุดท้าย
- เสด็จจากเวสาลีสู่กุสินารา
-
- แวะที่เมืองปาวา
- เสวยพระกระยาหารมื้อสุดท้ายที่บ้านนายจุนทะ
- แวะที่เมืองปาวา
-
- เสด็จถึงสาลวโนทยาน เมืองกุสินารา
- ทรงข่มอาพาธหนักเพื่อเดินทางมาถึงที่นี่
- เสด็จถึงสาลวโนทยาน เมืองกุสินารา
-
- ก่อนปรินิพพาน
- ทรงอุปสมบทพระสุภัททะ เป็นสาวกองค์สุดท้าย
- ก่อนปรินิพพาน
-
- ปรินิพพาน
- ท่ามกลางคณะสงฆ์ทั้งพระอรหันต์และปุถุชน
- ปรินิพพาน
การปรินิพพานของพระพุทธเจ้าเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์พุทธศาสนา แสดงถึงการสิ้นสุดยุคของพระศาสดา และเริ่มต้นยุคแห่งการสืบทอดพระธรรมวินัยโดยพุทธสาวก การที่พระองค์เสด็จไปปรินิพพานที่เมืองกุสินารา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ แสดงให้เห็นถึงความเสมอภาคในการเผยแผ่ธรรมของพระองค์ ไม่จำกัดอยู่แต่ในเมืองใหญ่เท่านั้น
พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ 80 พรรษา แต่คำสอนของพระองค์ยังคงมีอิทธิพลและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของพุทธศาสนิกชนทั่วโลกตราบจนปัจจุบัน พระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างของความเมตตา ความกรุณา และปัญญาในการดำเนินชีวิตที่ทุกคนต้องการ
เป็นอย่างไรกันบ้าง หวังว่าหลังอ่านบทความนี้แล้ว น้อง ๆ จะได้เข้าใจในประวัติของ “พระพุทธเจ้า” ศาสดาของศาสนาพุทธ กันมากขึ้นนะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ติวตัวต่อตัว หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุปพุทธประวัติแบบกระชับ!
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุปรวม “ศาสนาสำคัญของโลก” ที่ต้องรู้!
สังคมและประวัติศาสตร์
รากฐานแห่ง“อารยธรรมอินเดีย” อารยธรรมที่ส่งต่อถึงปัจจุบัน