Phrasal verb (คำกริยาวลี) เป็นส่วนสำคัญของภาษาอังกฤษที่น่าปวดหัวมาก ด้วยความหลากหลายและความซับซ้อนที่เปลี่ยนคำนิดเดียวความหมายก็พลิกไปเลย
ในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ Phrasal verb กันว่าคืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญ และวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง
เลือกอ่านเนื้อหาที่ต้องการ
Phrasal Verb คืออะไร?
คำกริยาวลี (phrasal verb) คือคำกริยาที่ประกอบไปด้วยคำกริยาพื้นฐาน (verb) และคำที่มาประกอบ (particle) ซึ่งอาจมีหนึ่งคำ หรือมากกว่าก็ได้
ทำไม Phrasal Verb ถึงสำคัญ?
คำกริยาวลีมีความสำคัญเพราะมันทำให้ภาษาอังกฤษมีความหลากหลายและสามารถสื่อความหมายได้รวดเร็วและครบถ้วนมากขึ้น นอกจากนี้ คำกริยาวลียังทำให้การสื่อสารกับผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นผู้ให้ความหมายเป็นไปได้อย่างชัดเจนและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
วิธีการใช้ Phrasal Verb
การใช้คำกริยาวลีอาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เพราะเราต้องจดจำความหมายของแต่ละคำเพื่อใช้งานได้อย่างถูกต้อง
โครงสร้างของคำกริยาวลี (phrasal verb)
มีอยู่สามโครงสร้างดังต่อไปนี้:
1. Verb + Adverb: เช่น
・ “She woke up suddenly.” (เธอตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน)
・ “He ran away quickly.” (เขาวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว)
2. Verb + Preposition: เช่น
・ “They look at the stars.” (พวกเขามองดาว)
・ “She apologized for her mistake.” (เธอขอโทษในความผิดของเธอ)
3. Verb + Preposition + Preposition : เช่น
・ “She looks forward to her birthday every year.”
(เธอตั้งตารอวันเกิดของเธอทุกปี)
・ “Let’s meet for coffee and catch up with each other.”
(มาเจอกันกาแฟและพูดคุยอัปเดตข่าวคราวกันเถอะ)
20 คำกริยาวลี (phrasal verb) ที่ใช้บ่อย ๆ
1. Break up – สิ้นสุด (ความสัมพันธ์)
-
- “They decided to break up after many years of dating.”
(พวกเขาตัดสินใจสิ้นสุดความสัมพันธ์หลังจากหลายปีของการเดท)
- “They decided to break up after many years of dating.”
2. Call off – ยกเลิก
-
- “They had to call off the picnic because of the rain.”
(พวกเขาต้องยกเลิกการปิกนิกเพราะฝนตก)
- “They had to call off the picnic because of the rain.”
3. Come across – พบโดยบังเอิญ
-
- “I came across an old friend at the supermarket.”
(ฉันพบเพื่อนเก่าโดยบังเอิญที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต)
- “I came across an old friend at the supermarket.”
4. Turn on – เปิด (เครื่องใช้ไฟฟ้า)
-
- “Please turn on the lights; it’s getting dark.”
(โปรดเปิดไฟ มันกำลังมืดลง)
- “Please turn on the lights; it’s getting dark.”
5. Take off – ถอด
-
- “She took off her coat when she entered the warm house.”
(เธอถอดเสื้อโค้ทออกเมื่อเข้าบ้านที่อบอุ่น)
- “She took off her coat when she entered the warm house.”
6. Give up – ละเลย, ยอมแพ้
-
- “Don’t give up on your dreams; keep working towards them.”
(อย่าละเลยความฝันของคุณ พยายามต่อไป)
- “Don’t give up on your dreams; keep working towards them.”
7. Run out of – หมด
-
- “We ran out of milk, so I need to buy some more.”
(เราใช้นมหมดแล้ว ดังนั้นฉันต้องซื้อเพิ่ม)
- “We ran out of milk, so I need to buy some more.”
8. Look forward to – ตั้งความหวัง
-
- “I look forward to meeting you next week.”
(ฉันตั้งความหวังที่จะพบคุณในสัปดาห์หน้า)
- “I look forward to meeting you next week.”
9. Get along with – เข้ากัน
-
- “She gets along with her coworkers very well.”
(เธอเข้ากันกับเพื่อนร่วมงานได้ดีมาก)
- “She gets along with her coworkers very well.”
10. Turn up – ปรากฏ (อย่างไม่คาดคิด)
-
- “He didn’t respond with a confirmation, but he turned up at the party anyway.”
(เขาไม่ได้รับเชิญยืนยันเข้าร่วม แต่ก็โผล่มาที่งานปาร์ตี้อยู่)
- “He didn’t respond with a confirmation, but he turned up at the party anyway.”
11. Give in – ยอม, ทนต่อ
- “She didn’t want to lend him money, but eventually she gave in.”
(เธอไม่อยากให้เงินยืมเขา แต่ในที่สุดเธอยอม)
12. Set up – ติดตั้ง, กำหนด, สร้าง
- “They set up a new business together.”
(พวกเขาสร้างธุรกิจใหม่ร่วมกัน)
13. Put off – เลื่อน, ยกเลิก
- “The meeting was put off until next week due to a scheduling conflict.”
(การประชุมถูกเลื่อนไปสู่สัปดาห์หน้าเนื่องจากมีปัญหาการจัดตาราง)
14. Bring up – ยกเรื่อง, พามา
- “She brought up an important issue during the discussion.”
(เธอยกเรื่องสำคัญขึ้นในการสนทนา)
15. Look up to – นับถือ, ให้เกียรติ
- “Many young athletes look up to their sports heroes.”
(นักกีฬาหนุ่มหลายคนนับถือฮีโร่ทางกีฬาของตน)
16. Show up – ปรากฏตัว
- “He promised to come to the party, but he didn’t show up.”
(เขาสัญญาว่าจะมาที่ปาร์ตี้ แต่เขาไม่ปรากฏตัว)
17. Hang out – เล่น, เที่ยว
- “They like to hang out at the coffee shop on weekends.”
(พวกเขาชอบไปเที่ยวที่ร้านกาแฟในวันหยุด)
18. Take over – รับมอบหมาย, ควบคุม
- “The new manager will take over the department next month.”
(ผู้จัดการใหม่จะรับมอบหมายควบคุมแผนกในเดือนถัดไป)
19. Check out – ตรวจสอบ, ดู
- “You should check out that new movie; it’s really good.”
(คุณควรดูหนังใหม่นั้น มันดีมาก)
20. Break down – ทำให้เสียหาย, ล้มเหลว
- “The car broke down on the way to the airport.”
(รถยนต์เสียหายบนทางไปสนามบิน)
อาจจะดูแล้วท้อใจว่าทำไมเยอะจังเลย แต่ขอบอกเลยว่านี้เป็นเพียงแค่คำส่วนหนึ่งที่คัดมาเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว ที่ใช้กันมีเป็นร้อย ๆ คำเลย แต่ไม่เป็นไร เพราะว่าส่วนมากแล้วถ้าเราใช้คำไหนบ่อย ๆ หรือพบเห็นบ่อย ๆ เราก็มักจะจำความหมายได้เอง ยังไงพี่ ๆ ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนนะ !
ส่วนน้อง ๆ คนไหนที่กำลังมองหาที่ติวภาษาอังกฤษ หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็มาปรึกษาพี่ TUTOR VIP ได้นะ พี่ ๆ ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ
บทความต่อไป TUTOR VIP จะมาแนะนำอะไรอีกนั้น ฝากติดตามกันด้วยนะ
ด้วยความร่วมมือของ TUTOR-VIP X Clearnote Thailand
บทความล่าสุด
สังคมและประวัติศาสตร์
“อารยธรรมโรมัน” อารยธรรมที่ทรงอิทธิพลถึงปัจจุบัน
สังคมและประวัติศาสตร์
สรุป ‘อารยธรรมกรีก’ อารยธรรมโบราณที่มีเสน่ห์
สังคมและประวัติศาสตร์
เจาะลึก ‘อารยธรรมอียิปต์’! อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลก